พี่ Jason Statham ร่วมงานกับผู้กำกับ David Ayer อีกหน ตอนแรกผมนึกว่าเป็นภาคต่อของ The Beekeeper นะ แต่พอดูแล้วก็พบว่าไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน แต่แนวทางมาสไตล์เดียวกันเลย
ตัวเอกคือ เลวอน เคด (Statham) คนงานก่อสร้างที่ทำงานให้ครอบครัวการ์เซีย แต่แล้ววันหนึ่งเจนนี่ (Arianna Rivas) ลูกสาวของพวกการืเซียได้หายตัวไป เลวอน – ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีอดีตครับ พี่แกเคยเป็นหน่วยราชนาวีมาก่อน – เลยต้องปลุกโหดลงสนามไล่ซัดพวกคนชั่วเพื่อตามตัวเจนนี่กลับคืนมาสู่อ้อมอกของพ่อแม่
หนังดัดแปลงจากนิยายของ Chuck Dixon ครับ โดย Ayer เป็นคนลงมือดัดแปลงมาเป็นบทหนังร่วมกับป๋า Sylvester Stallone ครับ ฮ่า ก็แน่นอนว่าป๋าสไลแกร่วมอำนวยการสร้างด้วย ส่วนตัวหนังพููดตรงๆ มันก็คือเหล้าแก่ในขวดใหม่น่ะครับ พี่ Jason กับการบุกตะลุยไล่กระทืบทรชนคนชั่วเพื่อช่วยคนดี ซึ่งจริงๆ ผมไม่มีปัญหานะ จะทำแนวนี้ออกมาอีกกี่เรื่องก็ได้ไม่ว่ากัน ขอให้มันออกมาสนุกก็พอ
สำหรับเรื่องนี้ผมว่าหนังสนุกเป็นช่วงๆ ครับ อย่างตอนต้นตอนเกริ่นนำยาวมาจนถึงตอนที่เลวอนบุกไปล่อนายโวโล (Jason Flemyng) ถึงที่บ้าน ช่วงนั้นถือว่าโอเค ความเดือดอาจยังไม่มาก แต่ลีลากวนผสมเทพของพี่ Jason ถือว่ายังได้อยู่ แล้วก็ยังมีการเปิดตัวตัวละครอื่นๆ อย่างไซม่อน (Andrej Kaminsky) ที่ทำท่าว่าจะมีอิทธิพลไม่ใช่น้อย เรียกว่าปูได้ไม่เลว
แต่หนังมันเริ่มมาสโลว์อ่อนเอาตอนกลางๆ ครับ ตอนที่พี่เลวอนแกไปแทรกซึม ไปล่อซื้อ ไปทำการสืบเพื่อตามรอยของเจนนี่ คือพี่เขาก็รู้อยู่น่ะว่าใครทำ ใครที่พี่ต้องไปไล่เฉ่งเพื่อให้ได้ข้อมูล จริงๆ พี่ไม่ต้องไปล่อซื้อแทรกซึมอะไรก็ได้ครับเพราะสุดท้ายสิ่งที่พี่เลวอนต้องทำคือไปเผชิญหน้ากับพวกมันแล้วก็ไปถามตรงๆ ว่าพวกแกพาเจนนี่ไปไว้ที่ไหน ก่อนที่พวกมันจะไม่ยอมตอบดีๆ แล้วสุดท้ายพี่ก็ต้องกระทืบรีดข้อมูลออกมา คือมันต้องออกมาในรูปนี้อยู่แล้ว – และผมเชื่อว่าแฟนๆ พี่ Jason ก็รอดูฉากพี่กระทืบผู้ร้ายนี่แหละ มันคือจุดขายของพี่น่ะครับ
นั่นเลยทำให้ตอนกลางมันดูยืดๆ น่ะครับ เพราะจริงๆ อยากเห็นพี่ Jason ไปไล่ลุยมากกว่าจะมานั่งคุย อีกอย่างคือจริงๆ เลวอนควรเดินเกมเร็วด้วยเพราะพี่เล่นเปิดหน้าซะขนาดนั้น ตอนเล่นงานโวโลกล้องวงจรปิดก็บันทึกภาพไว้ คือจริงๆ พี่ต้องรีบเล่นพวกมันก่อนที่พวกมันจะตามรอยกลับมาแล้วเล่นคืนพี่ – ซึ่งในที่สุดก็มีคนใกล้ตัวพี่เลวอนโดนเล่นจริงๆ – ผมเลยรู้สึกว่าตอนกลางมันยืดไปโดยไม่จำเป็น คือให้พี่แกลุยซัดแหลกแบบตอนใน The Beekeeper เลยน่าจะเวิร์คกว่า
แล้วหนังก็มามันส์อีกทีตอนท้ายครับ ตอนพี่เลวอนไล่ตะลุยจัดการพวกชั่ว อันนี้แหละที่ผมอยากดู แล้วหนังก็ถือว่าตอบโจทย์ตรงนี้ได้ไม่เลว ช่วงไคลแม็กซ์นี่ถือว่ามันส์สะใจใช้ได้ อาจไม่ถึงขั้นสุดแต่ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่นั่งรอดูมาเป็นชั่วโมง
ถ้าเทียบกันแล้วผมออกจะเพลินกับ The Beekeeper มากกว่าครับ เพราะความสะใจมันมาแบบต่อเนื่องกว่า ในขณะที่เรื่องนี้จริงๆ หลายๆ อย่างก็พอๆ กับเรื่องนั่นน่ะแหละ แต่ตอนกลางมันยืดไปหน่อย ถ้ารวบรัดฉับๆ ให้แล้วพี่เลวอนแกเน้นบุกตะลุยสู้ฟัดไปเลยน่าจะมันส์กว่า
โดยรวมก็ถือว่าดูได้น่ะครับ อย่างน้อยตอนต้นก็โอเค และตอนท้ายก็บันเทิงอยู่ แล้วหนังก็เปิดช่องสำหรับภาคต่อไว้เต็มๆ ซึ่งจะมีออกมาไหมก็ต้องตามดูกัน เพราะอย่างที่บอกครับว่าหนังสร้างจากนิยาย ซึ่งฉบับนิยายนั้นตอนนี้ก็มีเป็น 10 เล่มแล้ว และจริงๆ ตอนแรกพี่สไลน่ะกะจะเอานิยายชุดนี้ไปทำเป็นซีรี่ส์ครับ แต่ไปๆ มาๆ ก็เอามาทำเป็นหนังแทน และตอนแรกมีการทาบทาม Liam Neeson ให้มารับบทเลวอนด้วย แต่สุดท้ายพี่ Jason ก็มารับบทไป
หนังทำเงินทั่วโลกไปราวๆ $88 ล้าน จากทุนสร้าง $40 ล้าน ก็ถือว่าโปะทุนได้ แล้วก็ค่อยมาโกยกำไรอีกทีตอนลงสตรีมมิ่ง
ถ้าถามว่าฉากไหนสุด ผมมีฉากหนึ่งครับ คือตอนที่พี่เลวอนแกปิดตาให้กับศพของตัวละครหนึ่งในเรื่อง ผมว่าฉากนั้นดูมีความหมายนะ จริงๆ ต้องบอกเลยว่าพลังสำคัญของหนังก็คือพี่ Jason นี่แหละครับ แม้หนังจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่เพราะการแสดงแบบพอเหมาะพอดีของพี่เขาทำให้ผมยังพร้อมจะดูหนังไปจนจบได้ คือพี่เขาไม่ได้เน้นบู๊อย่างเดียว แต่มันมีดราม่า มีมิติใส่ลงไปในตัวละคร ซึ่งนั่นทำให้พี่ Jason แกดูมีของและมึเอกลักษณ์ จะเล่นจริงจังก็ได้ จะเบาๆ ก็ได้ หรือจะดราม่าหน่อยๆ ก็ได้ ถึงว่าพี่เขาทำได้ในแบบที่ดาราสายบู๊หลายคนไปได้ไม่ถึง
แต่ถ้าจะมีอะไรที่เสียดายก็คงเป็นดาราสมทบในเรื่องอย่าง Michael Peña และ David Harbour ที่ไม่ค่อยได้แสดงอะไรนัก จะมีก็แต่ Flemyng น่ะครับที่พอจะได้ปล่อยของอะไรบ้าง
ถ้าชอบพี่ Jason ก็ตามมาดูได้เลยครับ อาจไม่ถึงกับสมหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับผิดหวัง เพราะหนังยังตอบโจทย์บันเทิงได้โอเค
สองดาวหน่อยๆ ครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Thriller













