Action

Sonic the Hedgehog 3 (2024) โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 3

พูดตรงๆ นะครับ ตอนแรกผมไม่นึกนะว่าหนังชุดนี้จะสนุก และที่ไม่เชื่อยิ่งกว่าก็คือ ไม่เชื่อว่ามันจะยิ่งทำยิ่งสนุกแบบนี้

จริงๆ นะครับ ตอนก่อนดูภาคแรกนี่ผมเฉยๆ นะ คิดด้วยซ้ำว่าคงออกมาเรื่อยๆ กลางๆ ไม่น่าจะสนุกอะไรมากตามสไตล์หนังที่สร้างจากเกมอีกมากหลายที่ทำออกมาแล้วแค่กลางๆ แต่ที่ไหนได้กลับออกมาโอเคเลยครับ แล้วก็ทึ่งหนักขึ้นไปอีกเมื่อภาค 2 ดันสนุกขึ้นกว่าเก่า และกลายเป็นว่าพอมาถึงภาค 3 นี่ ผมบอกได้เต็มปากเลยว่าผมกลายเป็นแฟนหนังชุดนี้แบบเต็มตัวไปซะแล้ว

หนนี้โซนิคกับผองเพื่อนต้องเผชิญกับชาโดว์ เม่นต่างดาวที่มาถึงโลกก่อนโซนิคหลายสิบปี และตอนนี้ชาโดว์ถูกปล่อยออกมาจนเกิดความเดือดร้อนไปทั่ว โซนิคเลยต้องหาคำตอบว่าในกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญก็คือ พวกเขาจะสยบชาโดว์ลงได้หรือไม่

หนังสนุกมากครับ ดูเพลิน ครบรส จะเอาแอ็คชั่นก็มี จะเอาฮาก็ได้ จะไซไฟก็พร้อม จะเอาความลุ้นความตื่นเต้นหนังก็มี หรือกระทั่งความซึ้งกินใจหนังก็จัดให้เหมือนกัน อันหลังนี่ดีใจมากครับที่หนังมีส่วนนี้ใส่ลงไปด้วย โดยเฉพาะบทสรุปของตัวละครหนึ่งที่ทำให้หนังภาคนี้น่าจดจำแบบสุดๆ – อาจเพราะคนแสดงด้วยน่ะนะครับที่ทำให้ผมอินแบบจัดๆ ไปเลย

นับแต่นี้ผมต้องจับตา Jeff Fowler แล้วครับ พี่ท่านกำกับหนังได้เด็ดจริง แล้วก็ทำหนังได้กลมกล่อมมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังรอลุ้นอยู่นะครับเพราะพี่เขาบอกจะไปทำ The Pink Panther คืออยากเห็นมากๆ ว่าพี่เขาจะวาดภาพเรื่องราวและเซ็ตโลกของหนังออกมายังไง

อีกคนหนึ่งที่ยืนยันความสนุกของหนังก็คือลูกสาวผมครับ งานนี้ผมเอา 3 ภาคมาดูเรียงกัน ตอนดูภาคแรกลูกก็ดูนิ่งๆ นะ พอมาภาค 2 เริ่มเห็นทีท่าว่าชอบมากขึ้น พอมาภาค 3 นี่ชัดเลยครับว่าลูกดูสนุกกับหนังมาก นั่งดู นั่งหัวเราะ นั่งลุ้นกันแบบอร่อยไปเลย

ดีใจครับที่หนังทำเงินทั่วโลกไปกว่า $492 ล้าน แน่นอนว่าคุ้มทุนสร้าง $122 ล้านแบบสุดๆ

ผมว่าสิ่งหนึ่งเลยที่หนังทำสำเร็จคือทำให้เรารู้สึกว่าโซนิค, เทลส์, นัคเคิลส์ และชาโดว์ดูมีตัวตนขึ้นมา ไม่รู้สิครับสำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกกับพวกเขาเป็นแค่ตัวการ์ตูน หรือภาพที่ถูกสร้างขึ้น แต่ด้วยการพากย์เสียงที่เหมาะสม ด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และด้วยคาแรคเตอร์ที่แต่ละตัวได้ถ่ายทอดออกมา ทั้งหมดนี้ทำให้เราสัมผัสได้ถึงตัวตน ถึงชีวิตและจิตใจของพวกเขา – อันนี้ต้องขอชมทีมงานทุกภาคส่วนเลยครับที่ทำงานร่วมกันจนสามารถสร้างชีวิตให้กับเจ้าพวกตัวน้อยเหล่านี้ได้สำเร็จอย่างสวยงาม

และภาคนี้เฮีย Jim Carrey ก็จัดเต็มครับ เล่นเป็น 2 บทบาทได้อย่างลื่นไหล และเชื่อเถอะครับว่าใครๆ หลายคนต้องจดจำดร. โรบอทนิคคนนี้ได้อย่างแน่นอน อ้อ แล้วยัง Lee Majdoub ในบทเอเย่นต์สโตนอีก รายนี้ก็ไม่ธรรมดาครับ ได้ใจไปหลายซีนอยู่เหมือนกัน แต่อย่างหนึ่งที่น่าเสียดายคือ มันมีฉากหนึ่งที่ถูกตัดออกครับ ฉากนั้นจะเฉลยว่าดร.โรบอทนิครอดมาจากเหตุการณ์ในภาค 2 ได้ยังไง และคนที่ทำให้เขารอดมาได้ก็คือเอเย่นต์สโตนนี่แหละ ซึ่ง… ไม่รู้สิครับ ฉากนี้ผมว่ามันทำให้โยงใยระหว่าง ดร. กับสโตนเห็นได้ชัดขึ้นนะ แต่ก็นั่นแหละครับ ตัดออกไปแล้วนี่เน้อะ

ในขณะที่ James Marsden กับ Tika Sumpter ก็ถือว่าเสมอตัวครับ ในแง่ความเด่นถือว่ายังไม่มาก แต่ผมกลับมองว่าดีซะอีกนะที่หนังไม่พยายามดันพื้นที่บนจอให้ 2 คนนี้มากจนเกินไป เพราะตัวละครมันเยอะน่ะครับ หากยังดัน 2 ตัวละครนี้เข้าไปอีก หนังอาจไม่กลมกล่อมอย่างที่เป็นก็ได้ – ประมาณว่าไว้ไปเน้นอีกทีในตอนต่อๆ ไปน่ะครับ เพราะน่าจะมีตอนต่อตามออกมาอีกนั่นแหละ

ผมต้องเอามาดูซ้ำอีกแน่นอนครับ เพราะหนังชุดนี้ได้กลายเป็นหนังที่มีความหมายต่อผมไปแล้ว ไม่ว่าจะมีความหมายในฐานะหนังที่เอาไอค่อนแห่งเกมยุค 90 มานำเสนอได้อย่างสนุกสนาน ทำให้นึกถึงวันวานและเรื่องราวมากมาย อีกทั้งนี่ยังเป็นหนังไตรภาคชุดแรก (และน่าจะเป็นชุดเดียว) ของ Jim Carrey ดาราที่ผมยกให้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือแห่งยุค 90 ที่ไม่ได้เก่งเฉพาะสร้างเสียงฮาเท่านั้น แต่ฉากดีๆ ซึ้งๆ พี่เขาก็ทำได้ไม่น้อยหน้าใครด้วย

สองดาวกับเศษสามส่วนสี่ดวงครับ

(7.5/10)