Documentary

Save the Titanic with Bob Ballard (2012) เปิดบันทึกไททานิค

อีกหนึ่งสารคดีที่ดูแล้วสนุก รู้สึกว่ามันชวนติดตามมากกว่าที่คิดไว้ครับ

สารคดีพาเราไปพบกับ Robert หรือ Bob Ballard ที่เคยทำงานให้เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เขาคือผู้ค้นพบซากเรือไททานิคเมื่อปี 1985 โดยอาศัยการคาดคะเนตำแหน่งที่เรือจมจากปากคำของผู้รอดชีวิต ซึ่งในตอนแรกเขาก็ดีใจที่ตัวเองสามารถค้นพบตำแหน่งของซากเรือได้ แต่ในเวลาต่อมาเขาก็เริ่มรู้สึกผิดครับ เพราะการค้นพบของเขาทำให้ซากเรือไททานิคถูกรบกวนและถูกฉกฉวยโอกาสจากคนบางกลุ่ม

Ballard นิยามไว้ว่า ไททานิคคือพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเลลึกที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ ไม่มีกลอนประตู และไม่มียาม ว่าง่ายๆ คือมีคนดำลงไปเอาสิ่งของในนั้นขึ้นมาขายทั้งแบบถูกกฎหมายในสถานประมูลและแบบผิดกฏหมายในตลาดมืด

แต่ละครั้งที่มีเรือดำน้ำเฉียดใกล้ซากไททานิค มันก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ และทำให้ซากเรือเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทีละน้อย บางครั้งก็ทำให้ซากเรือทรุด หรือบางครั้งก็เป็นต้นเหตุให้เรือเกิดสนิม จากจุดเล็กๆ ก็จะค่อยๆ กัดไปถึงเนื้อเหล็ก หรืออย่างรังกา – แท่นบนเสาที่มีไว้ให้คนยืนตรวจตราสภาพโดยรอบเรือ จุดที่คนบนเรือเห็นภูเขาน้ำแข็งครั้งแรก ก็คือจุดนี้ล่ะ – ที่ตอนค้นพบซากเรือเขายังเห็นมันอยู่ แต่ในภายหลังมันได้หายไปจากเรือเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้ Ballard จึงพยายามกระตุ้นให้คนตระหนักถึงปัญหาครับ แล้วเขาก็พยายามปกป้องซากเรือเท่าที่จะทำได้

สารคดียังพาเราไปยังเมืองเบลฟาสต์ ทางเหนือของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นชุมชนของนักต่อเรือ และเป็นบ้านของเรือหมายเลข 401 หรือก็คือไททานิคนั่นเอง รวมถึงพาเราไปรู้จักกับกลุ่ม Guarantee กลุ่มคน 9 คนที่ร่วมกันสร้างเรือนี้ขึ้นมาภายใต้บริษัทต่อเรือ Harland & Wolff นำทีมโดย Thomas Andrews สถาปนิกที่ไต่เต้าจากตำแหน่งลูกมือ ไปสู่ตำแหน่งระดับสูงซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องเส้นสาย แต่หลายฝ่ายก็ยืนยันว่า Andrews มีความสามารถที่เพียบพร้อมด้วย ไม่ได้เล่นเส้นอย่างเดียว และหลายคนก็ยืนยันว่า Andrews เป็นคนอัธยาศัยดี สุภาพ และมีน้ำใจ

สารคดียังยืนยันความจริงที่ว่า ตอนแรก Andrews อยากให้มีเรือชูชีพ 64 ลำบนไททานิค แต่ประธานของ Harland & Wolff และบริษัท White Star Line กลับมองว่าไม่ควรเกิน 20 ลำ – เพราะอยากให้พื้นที่บนเรือมีเยอะขึ้น – ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย (เพราะกฎหมายระบุไว้ว่าขั้นต่ำคือ 16 ลำ)

เรายังจะได้เห็นพิมพ์เขียวต้นฉบับของเรือไททานิค รวมถึงได้รู้จักกับเรือฝาแฝดของไททานิคอย่างเรือโอลิมปิคที่มีชะตากรรมที่ดีกว่าไททานิคเยอะ

สารคดีพาเราตาม Andrews ขึ้นเรือไททานิคไป พร้อมกับกลุ่ม Guarantee ที่ภูมิใจในงานสร้างของเขา จนกระทั่งวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ที่เรือชนภูเขาน้ำแข็ง กัปตันรีบเรียกโธมัสมาตรวจสอบเรืออย่างเร่งด่วน และในเวลาต่อมาโธมัสก็บอกกกับกัปตันว่า “เรือกำลังจะจม”

ประเด็นที่น่าสนใจคือในสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารและการข่าวยังไม่ก้าวหน้านัก เลยทำให้ช่วงที่เกิดเหตุเรือจมมีการลงข่าวที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เช่นหนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าวไปว่าเรือไททานิคประสบเหตุ แต่ก็สามารถถูกลากกลับเข้าฝั่งได้ และผู้โดยสารทุกคนรอดชีวิต… ก็ทำให้เห็นภาพเรื่องการนำเสนอข่าวของยุคนั้นได้ไม่น้อยครับ

เมื่อข่าวสารมีการคลาดเคลื่อน ภาพต่อมาที่เกิดขึ้นคือมีคนหลายพันมายืนออกันที่หน้าบริษัท White Star Line เพื่อถามว่าญาติของพวกเขารอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งบางคนก็ได้รับคำตอบที่ดี และบางคนก็ต้องเผชิญกับความสูญเสีย

แต่เรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วค่อนข้างสะเทือนใจคือเรื่องของ Thomas Andrews ที่จากปากคำของผู้รอดชีวิต มีคนพบเห็นโธมัสวิ่งไปรอบเรือ พยายามเอาเสื้อชูชีพไปมอบให้ผู้โดยสารให้มากที่สุด โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้สวมเสื้อชูชีพใดๆ

ส่วนวิศวกรคนอื่นๆ ในกลุ่ม Guarantee ก็ไปประจำอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ เช่น พยายามทำให้ไฟฟ้าบนเรือติดนานที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้ผู้โดยสาร

… สุดท้าย กลุ่ม Guarantee ที่ขึ้นเรือไป ไม่มีใครรอดชีวิต และไม่มีการพบแม้กระทั่งศพครับ

ยอมรับว่าก่อนดูนี่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลยครับ อาจเพราะในแง่หนึ่งผมห่างหายจากอารมณ์ “อิน” เกี่ยวกับไททานิคไปนานพอสมควรแล้ว แต่การดูสารคดีนี้ทำให้เรื่องราวของไททานิคกลับมาเป็นที่สนใจสำหรับผมอีกครั้ง – ว่าง่ายๆ คือสารคดีเขาทำได้ดี เล่าได้น่าสนใจ และทำให้เราได้รู้อะไรๆ เพิ่มเติมจากที่เคยรู้ ซึ่งคงจะทำให้การดู Titanic รอบต่อไปของผม มีรสชาติมากขึ้น

สรุปตรงนี้เลยว่า ถ้าท่านชอบ Titanic ท่านควรได้ชมสารคดีนี้สักครั้งครับ ผมเชื่อว่าท่านจะชอบสารคดีนี้ได้ไม่ยาก

สองดาวเศษสามส่วนสี่ดวงครับ

(7.5/10)