เป็นการกลับมาทำหนังในอเมริกาอีกครั้งของ John Woo ครับ ซึ่งผมก็แอบคาดหวังอยู่เหมือนกันนะ แต่พอดูตัวอย่างความคาดหวังมันก็ลดลง ครั้นพอได้ดูก็ดีใจครับที่ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้มาก
หนังว่าด้วยไบรอัน ก็อดล็อค (Joel Kinnaman) คุณพ่อที่สูญเสียลูกชายไปเพราะพวกอันธพาลตีกันจนกระสุนพลาดมาถูกลูกเขาเข้า และเมื่อเขาพยายามจะเอาคืนก็โดนพวกมันฝังกระสุนเข้าคอ ส่งผลให้เขาไม่สามารถพูดได้
แล้วไฟแค้นมันก็สุมอยู่ในอกครับ จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเทรนตัวเองทั้งร่างกายและเรื่องการใช้อาวุธ เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะได้ลงสนามไปไล่สังหารพวกมันให้หมดสิ้น
เมื่อดูหนังจบก็พบว่าหนังมีทั้งส่วนที่ผมชอบและส่วนที่ผมเฉยครับ อ่ะ มาว่าส่วนที่ชอบก่อน จุดที่ผมถือว่าทำได้ดีคือแต่ละฉากที่หนังถ่ายทอดให้เห็นถึงความรักที่ไบรอันมีต่อลูกชาย ภาพที่พวกเขาเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข ภาพที่พ่อกอดลูก ภาพเหล่านี้ถูกนำเสนอขึ้นจอแบบค่อนข้างได้อารมณ์ มันดูอบอุ่นและกินใจใช้ได้เลยครับ มันทำให้คนดูเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าเพราะอะไรไบรอันถึงแค้นมากขนาดนั้น เพราะลูกคือดวงใจของเขาจริงๆ
ที่ชอบสุดคงเป็นซีนตอนท้ายที่ไบรอันเห็นภาพของลูกอีกครั้งน่ะครับ มันสะเทือนใจนะ ผมเชื่อเลยว่าใครที่มีลูกก็คงจะอินกับฉากเหล่านี้ไม่มากก็น้อย – นี่แหละครับจุดที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ อันนี้ก็ขอชม John Woo ครับที่ถือว่าทำได้ถึงอยู่
แต่จุดที่พร่องกลับเป็นเรื่องของฉากแอ็คชั่นครับ อันนี้ใครคาดหวังก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าในแง่ความมันส์ถือว่ามีไม่เยอะ เอาจริงๆ เลยคือกว่าหนังจะบู๊กันแบบหนักๆ น่ะก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงท้ายของหนัง ในขณะที่ก่อนหน้านั้น 1 ชั่วโมงกว่าๆ นอกจากหนังจะใช้เวลาไปกับการบอกเล่าถึงความรักที่ไบรอันมีต่อลูกแล้ว ก็จะเป็นภาพการฝึกฝนเทรนตัวเองของไบรอัน ซึ่งอันนี้ผมว่ามันกลายเป็นจุดพร่องไปน่ะครับ คือถ้าหนังกำหนดให้ไบรอันเป็นตำรวจเก่าหรือเป็นทหารเก่าที่มีฝีมือ แล้วพอเดินเรื่องไปสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็ให้เขาลงสนามไปไล่จัดการพวกมันเลยด้วยฝีมือแบบเทพๆ หนังคงจะมันส์น่ะ
แต่นี่กลายเป็นว่าเราต้องมานั่งดูไบรอันเทรนตัวเองตั้งนาน ครั้นพอลงสนามจริงเขาก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นด้วย ซึ่งในแง่ความสมจริงมันก็ได้อยู่ล่ะครับ คนเพิ่งฝึกจะให้เก่งมากๆ มันก็คงกระไรอยู่ แต่พอมองในแง่หนังแบบนี้แล้ว มันเลยไม่สุดน่ะครับ ฉากบู๊ฉากยิงกันมันไม่สุด ความสะใจเลยไม่บังเกิด – ดังนั้นสำหรับเรื่องฉากแอ็คชั่นแล้ว หนังเรื่องนี้ยังตอบโจทย์ได้ไม่เข้าเป้าเท่าไหร่ครับ
ไปๆ มาๆ ซีนที่ผมว่าเข้าท่ากลับเป็นตอนที่นายตำรวจเดนนิส วาสเซิล (Kid Cudi) ที่คอยตามคดีนี้อยู่ พี่ท่านตอนลงสนามนี่มันดูเท่ห์มากครับ ทั้งท่ายิงทั้งถือปืนสองมือยิง แบบนี้มันยิ่งทำให้รู้สึกน่ะครับ ว่าเราอยากเห็นไบรอันบู๊ได้ในระดับนี้แหละ ถึงจะมันส์
และอีกสิ่งหนึ่งที่จริงๆ ควรจะเป็นจุดเด่นแต่กลับกลายเป็นจุดพร่องคือ หนังเรื่องนี้เงียบเป็นส่วนใหญ่ครับ ซึ่งก็สมชื่อ Silent Night อยู่ แต่มันกลายเป็นว่าพอหนังเงียบไปนานๆ มันทำให้หนังดูน่าสนใจน้อยลงตามลำดับ มันไม่มีลูกเล่นระหว่างทางที่จะทำให้คนดูรู้สึกว่าหนังมันดูมีอะไร ไปๆ มาๆ ความเงียบที่ควรจะเป็นจุดเด่นก็กลายเป็นจุดพร่องไปในที่สุด
ก็สรุปได้คร่าวๆ ครับ ว่าหนังยังไม่เข้าเป้านัก ใครหวังความมันส์แบบ John Woo นี่ แนะนำให้ไปหา Hard Target หรือ Face/off มาดูจะดีกว่าครับ หรือถ้าอยากมันส์สะใจของจริงก็จัด The Killer กับ A Better Tomorrow 2 ภาคแรกเลย รับรองถึงแก่ความมันส์แน่นอน
และสิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้คือ ถ้าใครมีลูก ผมแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้ตอนที่มีลูกอยู่ใกล้ๆ นะครับ ถ้าอยากกอดจะได้กอดเขาได้ อย่างผมนี่เผอิญตอนดูนี่ลูกไม่อยู่พอดี เลยคิดถึงลูกขึ้นมาจับใจเลย… อันส่งผลให้รู้สึกโหวงอย่างยิ่ง
ผมถึงบอกครับ ในแง่แอ็คชั่นหนังอาจไม่สะใจ แต่ในประเด็นเรื่องลูกนี่ ไม่ธรรมดาอยู่นะครับ
สำหรับรายได้ ถือว่าไม่เข้าเป้าอีกเช่นกันครับ ทำเงินทั่วโลกไปเพียง $11 ล้าน ก็ยังไม่คุ้มทุน $10 ล้านที่ลงไปอยู่ดี – แต่ก็คงได้คืนมาน่ะครับ ไม่น่าจะขาดทุนหรอก
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Drama, Gun Fu, Movie Reviews, Thriller












