Chinese/Hong Kong/Taiwan Movies

จอมใจจักรพรรดิ์ (1959) The Kingdom and the Beauty


อีกหนึ่งหนังที่ดังสุดๆ ของ Shaw Brothers ครับ กับเรื่องราวความรักระหว่างฮ่องเต้เจิ้งเต๋อแห่งราชวงศ์หมิง (เจาหลุย, Zhao Lei) ที่ปลอมพระองค์เป็นสามัญชน แล้วก็ได้พบกับ หลี่ฟ่ง (หลินไต้, Lin Dai) สาวงามแห่งอำเภอเหม่ยหลง แล้วก็เกิดความรักต่อกัน

แต่ทีนี้องค์ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ตามฮ่องเต้กลับวัง ฮ่องเต้จึงทรงสัญญากับหลี่ฟงเอาไว้ว่าจะกลับมารับ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น…

เอาจริงๆ นะครับ พล็อตถือว่าน้ำเน่าระดับคลาสสิคเลยทีเดียว และอันที่ผมหนักใจสุดก็คงเป็นตอนที่พระ-นางถึงฉากทำอะไรต่อมิอะไรกันน่ะครับ สารภาพว่าแอบ “ห๊ะ” เลยเพราะดูเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเร็วมากจนแอบตกใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเอกทำท่าปัดป้องพระเอกมาตลอด แต่พอถึงเวลานี่… รวดเร็วจนงงทีเดียว

แต่กระนั้นผมก็ชอบหนังเรื่องนี้นะครับ อย่างแรกเลยคืองานสร้างที่จัดว่าดี แต่ละฉากสร้างได้สวยงาม การถ่ายภาพก็สวยเอาเรื่อง และแน่นอนว่าไฮไลท์อย่างหนึ่งของหนังก็คือบทเพลงครับ เพลงเพราะมาก ทำเอาผมฟังเพลินไปตลอดเรื่องเลย ซึ่งผมนั้นจริงๆ เคยได้ยินเพลงเหล่านี้มาก่อนตอนดูตลกน่ะครับ จำได้เลยว่าเป็นคณะชวนชื่น ดูซ้ำบ่อยจนจำเพลงได้ แล้วในที่สุดก็มาถึงบางอ้อเมื่อตอนดูว่าเพลงที่เคยได้ยินนั้นมาจากหนังเรื่องนี้นี่เอง

ดาราในเรื่องถือว่าแสดงกันได้พอเหมาะครับ ไม่แปลกใจเลยที่หลินไต้จะโด่งดังอย่างยิ่งจากหนังเรื่องนี้ แต่รายที่ขโมยซีนได้เด็ดสุดต้องยกให้ หูจินเฉวียน (King Hu) ในบท ต้าหนิว ที่ในเวลาต่อมาเขาจะกลายมาเป็นผู้กำกับหนังอมตะอย่าง A Touch of Zen และ Dragon Inn (1967) ในแง่การแสดงนี่ผมถือว่าเขาเป็นชูรสที่ทำให้หนังมีความสนุกมากขึ้น ถ้าขาดเขาไปนี่หนังอาจสนุกน้อยลงเลยล่ะครับ

และเรายังจะได้เห็น เดวิด เจียง (David Chiang) และ ฉินเพ่ย (Paul Chun) สมัยยังเด็ก พวกเขามาแสดงเป็นเหล่าเด็กๆ ที่ปรบมือร้องเพลงเยาะหยันหลี่ฟ่งน่ะครับ เห็นหน้าแล้วจำได้เลย

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่กำกับโดย หลี่ฮั่นเซียง (Li Han Hsiang) ที่ต้องยอมรับครับว่าเขาคุมงานได้ดี การเล่าเรื่องอาจดูง่ายๆ แต่ก็ชวนติดตาม องค์ประกอบต่างๆ ในหนังก็ถูกนำมาใช้อย่างพอเหมาะ สีสันก็สวยงาม ทำให้หนังเรื่องนี้ดูดีและชวนให้ติดตาม – ยกเว้นถ้าท่านไม่ชอบหนังแนวนี้จริงๆ ก็อาจเฉยน่ะนะครับ

สาระที่ผมได้จากหนัง อย่างแรกเลยก็คือ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ยากดีมีจนหรืออยู่ชนชั้นฐานันดรไหน สิ่งที่พึงมีคือความรับผิดชอบครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอะไรที่ลั่นวาจาแล้วก็ควรรักษา หรืออะไรที่เราทำไปแล้วก็ควรที่จะรับผิดรับชอบในผลที่ตามมา อย่ามัวสรรหาเหตุผลที่จะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น แบบนั้นแล้วสู้อย่าพูดออกมาและอย่ากระทำจะดีกว่า

ขณะเดียวกันหนังก็ถือว่าสอนใจหญิงได้เหมือนกัน ว่าขอให้ระมัดระวังอย่าปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายอย่างง่ายๆ ยิ่งปากหวานเก่งเจรจายิ่งต้องไตร่ตรองให้จงหนัก เพราะหากปล่อยตัวปล่อยใจไปแล้ว มันอาจไม่ได้จบลงแค่ค่ำคืนนั้น แต่อาจมีผลที่ตามมาเป็นชีวิตน้อยๆ ซึ่งก็จะนำมาสู่ประเด็นต่อมาคือ ควรมีลูกเมื่อพร้อม… ประเด็นดูพื้นๆ นะครับ เหมือนจะเป็นอะไรที่คนรู้กันทั่วไป แต่กระนั้นผมว่าก็ไม่เสียหลายหากจะเอามาย้ำเตือนกันอีกสักหน่อย เพราะบางครั้งอะไรที่ดูพื้นๆ และเหมือนจะได้ยินบ่อยๆ นี่แหละ ที่คนหลงลืมกันไป…

สำหรับผมแล้ว ผมดีใจครับที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ในฐานะคนชอบดูหนังแล้วผมว่าเรื่องนี้ควรค่าแก่การลิ้มลองสักครั้งคราครับ เพราะถือเป็นหนังที่สร้างได้ดี ดูแล้วตระหนักเลยว่าคนทำมีความตั้งใจ แม้พล็อตเรื่องอาจดูเชยสำหรับสายตาคนยุคใหม่ แต่ผมก็มองว่าจริงๆ แล้วนี่ถือเป็นหนังระดับตำนานของแนวนี้นะ ประเภทความรักต่างชนชั้นที่มีเรื่องให้ต้องฝ่าฟัน เรื่องความรักแบบที่ฝ่ายหนึ่งต้องมีฐานะดี เป็นเศรษฐีหรือเป็นกษัตริย์ก็ว่ากันไป มารักกับสาวชาวบ้าน รวมถึงหนังสไตล์นายตัวร้ายกับยัยตัววุ่น ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในตำนานสำหรับแนวนั้นครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)