Action

Ladder 49 (2004) หน่วยระห่ำสู้ไฟนรก

หนังแนวนักผจญเพลิงคนกล้าที่พร้อมทุ่มชีวิตเพื่อช่วยผู้ประสบภัยให้พ้นจากอันตรายครับ

ตัวเอกคือ ผู้หมวดแจ็ค มอร์ริสัน (Joaquin Phoenix) นักผจญเพลิงหน้าใหม่ที่เพิ่งมาร่วมงานกับหัวหน้าอารมณ์ดีอย่างผู้กองไมค์ เคนเนดี้ (John Travolta) ซึ่งหนังก็จะบอกเล่าเรื่องราวของเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกับผู้กองไมค์ยาวไปจนถึงวันที่เขาต้องประสบเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ ส่วนบทลงเอยจะเป็นอย่างไรนั้นคำตอบก็อยู่ในหนังนะครับ

ก็เป็นหนังดราม่าผสมแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ดีครับ พลังสำคัญของหนังต้องยกให้เหล่าดารา ไม่ว่าจะ Phoenix, Travolta, Jacinda Barrett ในบทลินดา สาวสวยที่ในเวลาต่อมาจะได้เป็นภรรยาของแจ็ค และ Robert Patrick, Morris Chestnut, Billy Burke กับ Tim Guinee ก็มารับบทเป็นเพื่อนร่วมสถานีดับเพลิงของแจ็คที่ร่วมเป็นร่วมตายกันไม่รู้กี่ครั้งกี่หน

ดูแล้วก็ตระหนักครับว่าหนังแนวนี้มีน้อยลงบนจอเงิน แต่ผันตัวมาอยู่บนจอแก้วแทน ซึ่งก็คือซีรี่ส์ Chicago Fire ที่สร้างต่อเนื่องกันมา 10 กว่าปีแล้วนั่นเอง สำหรับเรื่องนี้ผมว่าก็น่าพอใจครับ ดูแล้วก็นึกถึง Backdraft ซึ่งถ้าว่ากันแบบตรงๆ แล้ว ผมยังชอบ Backdraft มากกว่าครับ เรื่องนั้นผมว่าจะครบเครื่องลงตัวและมีความตื่นเต้นลุ้นระทึกมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังสามารถทำให้ “ไฟ” ดูเป็นสิ่งที่มีชีวิตจิตใจ อันนั้นถือเป็นไฮไลท์ที่เด็ดมากๆ ของ Backdraft ก็ว่าได้

ส่วนเรื่องนี้ก็อย่างที่บอกครับ มันเวิร์คเพราะได้ดาราดีๆ มาร่วมทีมกัน ส่วนการเล่าเรื่องก็ถือว่าเรื่อยๆ เพลินๆ น่าติดตามในระดับหนึ่ง เพียงแต่มันยังไม่สุด มันยังพร่องเรื่องความเข้มข้นหรือความตื่นเต้น อย่างเรื่องชีวิตของแจ็คที่ก็ต้องเลือกว่าจะวางมือจากอาชีพ (ที่นับว่าเสี่ยงชีวิต) แล้วหันมาอยู่กับครอบครัวดีไหม หรือเขาจะเดินหน้าทำในสิ่งที่รักต่อไปดี แต่ก็เหมือนหนังนำเสนอแบบเรื่อยๆ น่ะครับ ไม่ได้เค้นให้ข้นอะไรมาก

ฉากไฟไหม้ก็ถือว่าทำได้ดีครับ แต่ลึกๆ ในใจก็ยังยกให้ Backdraft เหนือกว่า เพราะฉากไฟไหม้ในเรื่องนั้นมันดูร้อนแรงและน่ากลัวจริงๆ ส่วนเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ในระดับหนึ่งครับ

หนังกำกับโดย Jay Russell เจ้าของผลงานหนังครอบครัวน่ารักๆ อย่าง My Dog Skip และ The Water Horse มาเรื่องนี้ก็ถือว่าเขาทำหน้าที่ได้ไม่เลวครับ หนังดูได้เพลินๆ รสชาติต่างๆ จริงๆ ถือว่าครบ เพียงแต่มันอาจจะยังไม่เข้มแบบเต็มๆ เท่านั้น แต่ในความคิดผมแล้ว หนังก็จัดว่าอยู่ในระดับน่าพอใจและควรค่าแก่การรับชมครับ

ตัวหนังทำเงินทั่วโลกไปราว $100 ล้าน จากทุนสร้างราว $45 ล้าน ก็ถือว่าคุ้มทุนอยู่ ส่วนกำไรก็ไปเก็บเอาทีหลังตอนลงวีดีโอและฉายเคเบิ้ล/สตรีมมิ่ง

สรุปว่าใครชอบหนังแนวดราม่าเรื่องของนักผจญเพลิงล่ะก็ เรื่องนี้ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)