Comedy

Round and Round (2023) ราวด์ แอนด์ ราวด์

อีกหนึ่งหนังรักวนลูปครับ เมื่อราเชล แลนเดา (Vic Michaelis) พบว่าตัวเองติดอยู่ในวันเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่รู้จะหาทางออกยังไง แต่ก็พอดีครับที่วันนั้นน่ะเธอมีโอกาสได้เจอกับ แซค รูบิน (Bryan Greenberg) พ่อหนุ่มสายเนิร์ดผู้ชอบเล่นเกมและชอบเรื่องแนวแฟนตาซีไซไฟ เธอเลยหันมาปรึกษากับเขา แล้วความพยายามในการนำพาตัวเองออกจากลูป ก็เริ่มต้นไปพร้อมๆ กับความรักระหว่างพวกเขาที่ค่อยๆ ก่อตัวตามลำดับ

ผมชอบนะครับ หนังแนววนลูปเนี่ย เพราะมันมักจะมาพร้อมความสนุก จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แล้วที่สำคัญเลยคือถ้าคนทำทำถึง มันก็จะมาพร้อมสาระดีๆ ที่เราเก็บไปคิดใคร่ครวญเพื่อนำมาประยุกตฺ์ใช้กับชีวิตได้ – และหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ครับ จริงๆ คือทำได้สวยพอตัวเลยล่ะ

ว่าตามจริงช่วง 20 นาทีแรกของหนัง ผมค่อนข้างรู้สึกเรื่อยๆ ครับ หนังก็เล่าเหตุการณ์วุ่นๆ ในวันนั้นไป ก่อนจะวนลูปซ้ำอีกหลายหน ช่วงแรกนี่ยังไม่เท่าไร คือถ้าท่านจะเบื่อผมก็ไม่แปลกใจล่ะครับ แต่ก็อยากให้รออีกนิดเพราะความสนุุกน่ะจะเริ่มมาหลังจากนั้น นั่นคือหลังจากที่ราเชลเริ่มจูนเข้าหาแซค (หลังจากที่ตอนแรกๆ พวกเขาจะต้องไม่ถูกกัน ตามสไตล์ของหนังรอมคอม) และขอให้แซคช่วยคิดหาทางออก ช่วงนี้แหละครับที่เริ่มสนุก

สำหรับผม หนังสนุกเพราะมันมีลูกเล่นใส่ลงมา นั่นคือมีการแนะนำตัวละครที่เนิร์ดหนักกว่าแซคอย่างเซธ (Amitai Marmorstein) และแอนดี้ (Nicco Del Rio) 2 ซี้ที่เปิดร้านขายการ์ตูนอยู่ (เริ่มเห็นแววเนิร์ดแล้วใช่ไหมครับ) การมาของพวกเขานี่แหละที่เพิ่มความสนุกให้กับหนัง โดยเฉพาะสารพัดมุกที่หากท่านเป็นคอหนังไซไฟหรือมีความเป็นเนิร์ดอยู่ในตัวล่ะก็ ท่านจะต้องเก็ทกับหลายๆ ประโยค หรือไม่ก็ถึงขั้นหลุดขำออกมาเลยก็มี

อย่างผมนี่ชอบหนักมากตอนแซคกับเซธบอกกับราเชลว่า “คุณลองกระโดดไปทางซ้ายซิ” (Jump to the left) ตอนแรกผมก็นึกว่าทั้งสองจะบอกทฤษฎีในการช่วยให้เธอพ้นออกจากลูป (เพราะตอนนั้นกำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่) แล้วก็พูดต่อว่า “ทีนี้ให้ย้ายไปทางขวา” (And then a step to the right) ครานี้ผมเริ่มเอะใจแล้ว ทำไมมันฟังคุ้นๆ ฟะ แล้วพอถึงประโยค “Put your hands on your hips” เท่านั้นแหละผมฮาแตกเลยครับ คือมันแทรกมุกลงมาได้เนียนและบ้าดีจริงๆ

แล้วมุกทำนองนี้ก็มาเรื่อยๆ ด้วย อย่างตอนเซธกับแอนดี้คุยกันว่าใน Groundhog Day นั้น Bill Murray วนอยู่ในลูปกี่ครั้ง แล้วพวกพี่เขาก็วิเคราะห์เป็นเรื่องเป็นราว คือตอนดูนี่ผมยิ้มออกมาเลย เพราะหนังพยายามใส่อะไรเหล่านี้ลงมาเพื่อทำให้มันดูมีอะไรมากขึ้น ไม่ใช่แค่วนลูปซ้ำๆ แล้วพอแก้เสร็จก็จบ – แล้วอาจจะเพราะผมมันคลั่งหนังไซไฟด้วยน่ะครับ เลยโดนหลายมุกตอกเข้าหน้าจนอดฮาไม่ได้ – แต่ถ้าท่านไม่เก็ทกับอะไรเหล่านี้ก็อาจจะเฉยๆ ครับ

ในแง่การเล่าเรื่อง ว่ากันตรงๆ คือมันอาจไม่ถึงกับสุดยอดน่ะนะครับ บางจังหวะมันก็ยังดีได้อีก แต่ที่หนังลื่นนี่ผมว่าเพราะบทครับ ซึ่งเขียนโดย Tamar Laddy ที่ชั่วโมงบินอาจยังไม่เยอะ แต่ก็ผ่านงานซีรี่ส์อย่าง Pretty Little Liars, Hart of Dixie มาก่อน และหนังเรื่องก่อนอย่าง Crashing Through the Snow ก็ได้คำชมไปพอประมาณ สำหรับเรื่องนี้มันสัมผัสได้น่ะครับ ว่าการเล่าเรื่องมันยังเรื่อยๆ ยังไม่เด่น แต่มันไปสนุกตรงบท ตรงตัวเรื่อง และสารพัดรายละเอียดที่ใส่ลงมาแบบพอเหมาะ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าบทนี้ไปอยู่ในมือผู้กำกับเก่งๆ หนังอาจจะออกมาฮิตเลยก็ได้

แล้วหนังยังมีสาระดีๆ ให้เราเก็บมาคิดด้วยครับ – ผมว่าหนังสื่อถึงประเด็นที่ว่า “ถ้าคุณอยากให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้า คุณควรจะทำสิ่งใดบ้าง”

อย่างแรกเลยคือ ลองทำสิ่งใหม่ๆ ลองออกจาก Comfort Zone บ้าง มันอาจจะนำพาเราไปพบเจอกับสิ่งดีๆ ที่ก่อนหน้านั้นเราอาจไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ในโลกนี้ด้วย

อย่างที่ 2 คือ บอกเลิกกับสิ่งที่ไม่ใช่ ลองมองตัวเองดีๆ ว่ามีอะไรที่ทำให้ชีวิตเราติดลูป วนเป็นจงกลม ไปไหนไม่ได้หรือเปล่า – สิ่งนั้นอาจไม่เหมาะกับเรา หรือเราอาจไม่เหมาะกับสิ่งนั้น แล้วไปๆ มาๆ ทั้งเราและสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นเครื่องถ่วงของกันและกัน (หรือบางสิ่งที่ถ่วงเราอยู่ฝ่ายเดียวก็มี)

อย่างที่ 3 คือ ยืดอกรับคำวิจารณ์ มองตนเองให้กระจ่างชัด มองให้เห็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อย ข้อดีและข้อเสียของตนเอง อะไรที่ดีก็เสริมให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไป ส่วนอะไรที่เป็นข้อเสียก็ลองหาทางแก้ไข หรือไม่อย่างน้อยก็รู้ไว้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา จะได้หลีกเลี่ยงไม่พาตนเองไปเจอกับสิ่งนั้น

อย่างที่ 4 คือ หมั่นพัฒนาตนเอง ทำให้วันนี้ตัวเราได้เรียนรู้หรือได้เติบโตขึ้นกว่าเมื่อวาน แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

อย่างที่ 5 คือ อดีตของเราก็เป็นของเรา เราเปลี่ยนมันไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะใช้มันเป็นปลักโคลนดึงรั้งเราเอาไว้ หรือจะให้มันเป็นฐานอิฐฉาบปูนแล้วเสริมใยเหล็ก ทำให้เราไปได้ไกลกว่าเดิม สูงกว่าเดิม และมั่นคงกว่าเดิม

โดยรวมหนังเลยครบองค์ประชุมในสิ่งที่ผมชอบครับ – ชอบหนังวนลูป, ชอบหนังรอมคอม, ชอบหนังเบาสมอง, ชอบมุกเพลินๆ ที่ฟังแล้วก็รู้ว่าคนคิดมุกน่ะต้องเนิร์ดไม่น้อยไปกว่าเรา, ชอบที่ตัวละครต่างๆ ในเรื่องต่างก็มีวาระของตัวเอง แม้ไม่ถึงขั้นขโมยซีนแต่ก็ถือว่าโอเค และ ชอบหนังที่มาพร้อมสาระดีๆ – เนี่ยครับ 6 องค์ประกอบใหญ่ๆ ที่ผมชอบในหนังสักเรื่อง ได้ถูกรวมไว้ในหนังเรื่องนี้แล้ว

นาทีที่ผมรู้ตัวว่าผมชอบหนังเรื่องนี้เข้าแล้ว (แบบชอบมาก) คือตอนไหนรู้ไหมครับ? คือฉากตอนท้ายๆ ที่ราเชลพยายามบอกแซคว่าเธอกับเขาผ่านเรื่องอะไรกันมามากขนาดไหน แต่แซคกลับจำไม่ได้เลย – เพราะในฐานะหนังวนลูป ตัวเอกจะเป็นคนเดียวที่จำการวนลูปได้ แต่กับคนอื่นจะรับรู้เพียงเรื่องที่เกิดในวันนั้นๆ เท่านั้น – ตอนนั้นสีหน้าของราเชลและดวงตาที่เริ่มแดงเรื่อๆ ของเธอ ทำให้ผมเกือบจะร้องไห้ตาม คือมันรู้สึกเห็นใจเธอและเข้าใจเธอเลย – มันจุกครับ และมันอิน – นาทีนั้นแหละ รู้เลยว่าผมชอบหนังเรื่องนี้เข้าแล้ว

ดีใจจริงๆ เวลาเจอหนังที่ชอบแบบนี้เนี่ย ^_^

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

(7.5/10)