Horror

Boogeyman 2 (2007) บูกี้แมน 2 ปลุกตำนานสัมผัสสยอง

เมื่อตอนยังเด็ก ลอร่า พอร์ตเตอร์ (Danielle Savre) เคยประสบกับเหตุการณ์สยอง ต้องมาเห็นพ่อกับแม่โดนบูกี้แมนสังหารต่อหน้าต่อตา แล้วเธอก็กลัวมันมาตลอดจนไม่สามารถอยู่เพียงลำพังได้ แต่อยู่มาวันหนึ่ง เฮนรี่ (Matt Cohen) พี่ของเธอมีเหตุต้องไปสัมภาษณ์งานครับ เธอเลยต้องอยู่คนเดียวอย่างไร้ทางเลี่ยง ในที่สุดเธอเลยหาทางออกโดยการไปเข้ารับการบำบัดที่คลินิกจิตเวชฮิลล์ริดจ์

แต่ก็คงพอเดาได้น่ะนะครับว่า ที่แห่งนั้นน่ะแหละ ที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับบูกี้แมนอีกครั้ง

ภาคแรกคำชมไม่เยอะ แต่ทำเงินมากพอเลยมีการเข็นภาคต่ออกมาตามระเบียบ ถ้าถามว่าเป็นไงก็ตอบได้ว่าภาคนี้ก็โอเคอยู่นะครับ ภาพรวมดูจะเวิร์กกว่าภาคแรกด้วย จุดที่จัดว่าโอเคคือฉากฆ่ากันที่นับว่าโหดอยู่ ในขณะที่การเดินเรื่องก็จัดว่าพอได้ อาจมีช่วงช้าบ้างในครึ่งแรก แต่อย่างน้อยครึ่งหลังหนังก็จัดฉากระทึกใส่ลงมาให้พอหายเบื่อบ้าง

ดาราในเรื่องถือว่ากลางๆ ครับ คือเล่นได้โอเคแต่ก็ยังไม่ถึงกับเด่น รายที่เด่นก็ต้องยกให้ดารารุ่นใหญ่อย่าง Tobin Bell พี่จิ๊กซอว์ของน้องๆ ที่เรื่องนี้มาเล่นเป็นคุณหมอมิตเชลล์ อัลเลน รายนี้แค่วางมาดนิ่งๆ ก็ดูขลังแล้วครับ กับอีกคนก็ Mae Whitman ที่เคยรับบทเป็นลูกของ George Clooney ใน One Fine Day มาเรื่องนี้ก็โตขึ้นเยอะ ในแง่การแสดงจริงๆ ถือว่าดีเลยล่ะครับ เพียงแต่บทค่อนข้างน้อยน่ะ

โดยรวมถือว่าพอดูได้สำหรับหนังสยองครับ เพียงแต่โทนจะดูเปลี่ยนไป จากภาคแรกที่ออกแนวเหนือธรรมชาติ แต่มาภาคนี้มันจะชวนให้สัมผัสถึงอารมณ์แบบหนังเชือด Slasher มากกว่า และภาคนี้ก็มีการเชื่อมถึงภาคแรกโดยการอ้างอิงถึงชะตากรรมของ ทิม เจนเซ่น ตัวเอกจากภาคแรกครับ ว่าสุดท้ายแล้วเขาพบกับบทสรุปเช่นไร

ในขณะที่ภาคแรกลงทุนระดับ $20 ล้าน พอมาภาคนี้หนังจำกัดทุนเหลือเพียง $4.5 ล้านครับ และแม้หนังจไม่ได้เข้าโรงในอเมริกาแต่อย่างน้อยหนังก็ได้ฉายโรงในตลาดต่างประเทศอย่างรัสเซียและอิตาลี ทำเงินกลับมารวมๆ $4.5 ล้าน แล้วมาบวกกับตอนออกแผ่นอีกหนังก็เลยคุ้มทุนครับ และน่าจะกำไรด้วยเพราะมีการเข็นภาค 3 ตามมาอีก

ผมดูแบบไม่คาดหวังครับ ตัวหนังก็อาจไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ดูแก้เบื่อได้สำหรับคอหนังสยอง และโดยส่วนตัวมองว่ามันดูเวิร์กกว่าภาคแรกหน่อยๆ ด้วยครับ แต่ต้องขอย้ำนะครับว่าสำหรับผมแล้วภาคแรกก็ไม่โอเคอะไรมาก ส่วนภาคนี้ดูโอกว่าตามทิศทางของมัน แต่ก็ยังมีหนังสยองที่เวิร์กกว่าเรื่องนี้อีกเยอะครับ

อันนี้คงต้องขอสปอยล์หน่อย ใครไม่อยากทราบข้ามได้ครับ

==============================

อย่างที่บอกครับว่าหนังเปลี่ยนโทนไปเป็นแนว Slasher ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่โทนนะ แต่คือเปลี่ยนทิศของเรื่องไปเลย พูดง่ายๆ คือหนังเฉลยในช่วงหลังว่าบูกี้แมนที่ไล่ฆ่าคนในคลินิกนั้นคือคนครับ ไม่ใช่ผีสางแต่อย่างใด ซึ่งว่ากันว่าหลายคนไม่ชอบภาคนี้ก็เพราะอันนี้แหละครับ คือจากหนังผีฆ่าคนแบบเหนือธรรมชาติ กลายเป็นว่าคนด้วยกันนี่แหละที่เป็นคนทำ

ส่วนผมก็กลางๆ ครับ เพราะหนังก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าบูกี้แมนที่เป็นผีน่ะไม่มี แค่บอกว่าในเหตุการณ์รอบนี้เป็นฝีมือคนเท่านั้น ในแง่หนึ่งก็เหมือนจะสร้างสรรค์ครับ แต่ในอีกแง่ก็ชวนให้รู้สึกขัดกับภาคแรก เพราะดูแล้วมันคือผีแหงๆ น่ะ

==============================

พูดแบบไม่อ้อมค้อมก็คงเป็นว่า ข้ามเรื่องนี้ไปก็ไม่มีปัญหาครับ ยกเว้นว่าจะดูเพราะชอบหนังสยองหรืออยากดูให้ครบชุดก็ว่ากันไป

ดาวครึ่งกว่าๆ ได้ครับ

(5.5/10)