Action

The Girl in the Spider’s Web (2018) พยัคฆ์สาวล่ารหัสใยมรณะ

Untitled07744

พยายามล้างสมองก่อนดูภาคนี้นะครับ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าภาคนี้ไม่ค่อยโดนเท่าไรแฮะ

ภาคนี้ ลิสเบธ ซาลันเดอร์ (Claire Foy) ต้องมาปกป้องฟรานส์ บัลเดอร์ (Stephen Merchant) โปรแกรมเมอร์ที่สร้างโปรแกรมที่จะสามารถควบคุมนิวเคลียร์ได้ทั้งโลก แน่นอนครับว่าใครๆ ก็อยากได้มัน อันนำมาสู่การตามล่าที่ส่งผลให้ชีวิตของฟรานส์และลูกชาย (Christopher Convery) ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย

เข้าเรื่องเลยนะครับ คือดูแล้วนิ่งมาก สิ่งแรกเลยที่รู้สึกคือลิสเบธพลาดบ่อยเกินไป โดนเล่นบ่อยมาก เหมือนฝีมือและไหวพริบเธอหายเป็นพักๆ น่ะครับ และแม้เจ้าตัวร้ายสายแกร่งที่รับบทโดย Claes Bang นั้นอาจจะจัดว่าเก่งอยู่ แต่สิ่งที่รู้สึกระหว่างดูมันไม่ใช่ “เก่งเจอเก่ง” มันไม่ใช่อารมณ์ว่าลิสเบธเจอคู่ปรับ แต่มันออกแนว “เก่งเจอพลาด” ซึ่งบอกตรงๆ ว่าพอเข้าใจว่ามันคือแนวทางนึงในการเล่าหนังให้ง่าย เพราะถ้าให้เก่งเจอเก่งเนี่ย การเขียนบทมันจะซับซ้อนขึ้น ท่ามันจะยากขึ้น ดังนั้นวิธีที่ง่ายกว่าคือทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ่อนลง ฝีมือดร็อปลง ก็จะได้ไม่่ต้องตะแคงพลิกแพลงในการคิดให้มากมาย แต่นั่นก็ทำให้ความอร่อยของหนังลดลงไปด้วย

หลายช่วงนี่ส่ายหัวเลยครับ เอาแค่พวกผู้ร้ายตามลูกชายของบัลเดอร์เจอเพราะมือถือนี่ก็เครียดแล้ว คือลิสเบธไม่น่าพลาดได้เบอร์นั้นน่ะ อุตส่าห์พาเด็กหนีไปหลบในเซฟเฮ้าส์ห่างไกล ดันให้เด็กเก็บมือถือไว้ได้ไง – มันควรเป็นสิ่งแรกที่เธอต้องทำลายด้วยซ้ำ

Untitled07745

ยิ่งในตอนท้ายนี่ลิสเบธรอดมาได้นี่ไม่ใช่เพราะความสามารถของตัวเองนะ แต่เพราะได้พันธมิตรดี ไม่งั้นเธอกับคนอื่นๆ ที่โดนจับไปน่าจะตายกันยกแก๊งแล้วล่ะ แล้วช่วงท้ายที่ลิสเบธสามารถสยบตัวร้ายได้นี่ มันเหมือน… เหมือนเธอดื่มน้ำยานำโชค (ใน Harry Potter ภาค 6) น่ะครับ ประมาณว่าโชคดีจัด ไอ้นั่นเลยไปชนไอ้นี่พอดี ไอ้นี่เลยไปโดนไอ้นั่นพอดี ตัวร้ายเลยจนตรอกพอดี – สรุปคือภาคนี้รู้สึกว่าลิสเบธรอดได้เพราะดวงครับ ฉากที่ผมว่าลิสเบธพอจะแสดงฝีมือบ้างก็ตอนอยู่ที่สนามบินน่ะแหละ นอกนั้นเหมือนโชคช่วย

ส่วนบทของ มิเกล บลอมควิสต์ (Sverrir Gudnason) ก็ลดลงครับ จนกลายเป็นตัวประกอบเลย

และแม้จะพยายามไม่นึกถึงภาคแรก แต่ระหว่างดูมันก็นึกถึงจนได้น่ะครับ สิ่งที่กระตุ้นให้นึกถึงคืองานภาพครับ รู้สึกเลยว่างานภาพพยายามจะไปทางเดียวกับภาคแรก ไม่ว่าจะสไตล์ภาพ การเล่นแสงเงาต่างๆ หรือการใช้สีขาวของหิมะมาสื่ออารมณ์ แต่มันไม่ถึงครับ

อาจจะออกแนวบ่น แต่ก็ไม่อยากโกหกน่ะครับ มันรู้สึกแบบนี้จริงๆ และผมไม่โทษนักแสดงเลยนะ ผมว่าพวกเขาก็พยายามกันแล้วล่ะ แต่มันไปดร็อปตรงบท บวกด้วยการเล่าเรื่องที่เรื่อยๆ ไม่ได้ชวนติดตามอะไร

รายได้ก็จัดว่าล่มครับ ลงทุน $43 ล้าน ได้คืนมา $35 ล้านจากทั่วโลก

สองดาวลบครับ

Star21

(6/10)