Anthology Movies/Series

เรื่องเล่าจากความมืด 2 (2013) Tales from the Dark 2

Untitled07672

มาต่อกันครับกับ เรื่องเล่าจากความมืด 2 ที่กลับมาพร้อมเรื่องสยองอีก 3 ตอนให้เราได้ดูกัน

ตอนที่ 1 หมอนอาถรรพ์ (Pillow)
โจวจิ้งอี๋ (เฉินฝ่าลา, Fala Chen) ทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่ชื่อ อาคัง (หลินเจียต้ง, Lam Ka-Tung) แล้วเขาก็หายตัวไป จิ้งอี๋เลยคิดมากจนเป็นโรคนอนไม่หลับ จากนั้นเพื่อนร่วมงานเธอก็แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนหมอนดูสิ ใช้หมอนใหม่ที่หนุนสบายกว่าน่าจะทำให้หลับได้ง่ายขึ้น เธอเลยไปซื้อหมอนใบใหม่มาจากร้านค้าใกล้บ้าน กลายเป็นว่าเมื่อเธอหนุนหมอนนั้นแล้ว เธอจะหลับและฝันครับ เธอฝันถึงอาคัง ฝันว่าเขากลับมาอยู่กับเธอ… แต่มันจะเป็นอย่างไรหากนั่นทำให้เธอ ไม่อยากตื่นจากฝัน…

ตอนที่ 2 เล่นซ่อนหา (Hide and Seek)
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปจัดงานปาร์ตี้ที่โรงเรียนเก่าของพวกเขา ที่ตอนนี้กลายเป็นโรงเรียนร้างและมันกำลังจะถูกทุบทิ้ง ซึ่งคุณลุงภารโรงที่ดูแลสถานที่ก็พยายามเตือนให้พวกเขาอย่าอยู่จนถึงค่ำ แต่ก็คงพอจะเดาได้ใช่ไหมครับ พวกพี่ท่านก็หาได้ฟงไม่ และยังเล่นเกมจับผี (เหมือนเล่นซ่อนหาน่ะครับ) กันตอนกลางคืนอีก… ผมคงไม่ต้องเล่ามากไปกว่านี้ละกระมัง ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไร?

ตอนที่ 3 คุณลุงกับร่มสีดำ (Black Umbrella)
คุณลุงร่างเล็กคนหนึ่ง (Teddy Robin Kwan) เดินตระเวนไปทั่วฮ่องกงในยามค่ำคืนของคืนปล่อยผี โดยถือร่มสีดำคันหนึ่งติดตัวไปด้วย… ขอเล่าแค่นี้ครับ ตอนนี้ดูเองแบบซึมซับเรื่องราวไปเรื่อยๆ จะได้อรรถรสมากกว่า

กลายเป็นว่าผมชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรกแฮะ อย่างภาคแรกนั้นในแง่ความสยองผมว่าไม่มาก แต่จุดเด่นคือการแสดงดีๆ ของเหล่าดาราที่ไว้ใจได้ ส่วนภาคนี้นี่ถือว่ายังคงจุดดีของภาคแรกเอาไว้ คือมาพร้อมกับดาราดีๆ แต่สิ่งที่เสริมเข้ามาคือการเสิร์ฟความน่ากลัว ที่แม้จะไม่ถึงกับหลอนสุดขีด แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับหนังสยอง

ตอนที่ 1 นั้นถือว่ามาทางเดียวกับภาคแรกครับ คือไม่ได้เน้นสยอง แต่เน้นให้ดาราได้แสดงฝีมือกัน ซึ่งเฉินฝ่าลากับหลินเจียต้งก็แสดงกันได้ดี ในขณะที่เรื่องราวก็ไม่ได้หลอนหรือน่ากลัวอะไร ออกแนวตำนานเรื่องลี้ลับที่เล่าความพิศวงบิดเบี้ยวอะไรแบบนั้นมากกว่า

Untitled07673

ครั้นมาตอนที่ 2 นี่ถือว่าเข้าโซนสยองแบบเต็มตัวครับ จริงๆ ฟังจากพล็อตก็น่าจะเดาได้แล้วนะครับว่าพวกวัยรุ่นนี่ต้องเจอดีแน่ๆ บรรยากาศตอนกลางคืนของโรงเรียนร้างก็ชวนให้ขนลุกดีครับ อีกอย่างคือผีในตอนนี้ชอบโผล่มาแบบเนียนๆ บางทีดูไปก็ไม่รู้ตัวนะ แต่พอดูดีๆ อ้าว เฮ้ย ผีอยู่ในฉากด้วยนี่หว่า ก็จัดว่าทำได้หลอนดีครับ ถือเป็นตอนที่ตอบโจทย์ความสะดุ้งได้เข้าท่าอยู่ – อย่างผมนี่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ อย่างที่บอกน่ะว่าขวัญมันแข็งเกิน (เนื่องมาจากเสพหนังสยองมาเยอะเกินไป) แต่มันเป็นความสนุกน่ะครับ ดูด้วยความอยากรู้ว่าผีจะมาตอนไหน มามุมไหน และมามุกไหน ซึ่งแม้ผีในตอนนี้จะไม่ได้เล่นท่ายากพลิกแพลงอะไรมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าว่าออกมาหลอกมาหลอนในท่ามาตรฐาน และจัดว่าเวิร์กอยู่

แต่สิ่งที่คิดระหว่างดูตอนนี้คือ “เอาอีกแล้ว เจอพวกหาทำอีกแล้ว” คือถ้าพวกพี่อยู่ดีๆ ไปจัดปาร์ตี้ที่อื่นมันก็ได้น่ะครับ ทำไม๊ต้องไปในที่ที่เสี่ยงภัยเจอผีแบบนี้ ประเด็นคือพอเจอแล้วเป็นไงล่ะ เรื่องใหญ่เลยนะ เพราะเหล่าผีก็ทำท่าจะไม่ปล่อยพวกเขาไปด้วย – เล่นสนุกก็ต้องมีขอบเขตครับ อะไรที่เล่นแล้วเสี่ยงก็อย่าไปเล่นเลย เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นการเล่นครั้งสุดท้ายของท่านไปนะ

ชอบคำปิดเรื่องตอนนี้ครับ “ทุกครั้งที่คุณเล่นเกมจับผี คือการล่อให้ผีมาจับคุณ”

ส่วนตอนสุดท้ายอันนี้ผมชอบสุดครับ เรื่องราวมันน่าสนใจ อย่างที่บอกว่าคุณลุงกับร่มสีดำจะเดินท่อมๆ ไปทั่วฮ่องกง แล้วลุงเขาก็จะได้เจอกับเรื่องราวระหว่างทาง ซึ่งกลายเป็นว่ามันชวนให้ติดตามน่ะครับ มันชวนให้อยากรู้ว่าลุงคนนี้เขาเป็นใคร และเขาจะเจอกับเรื่องอะไรต่อไป เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้สยองครับ แต่บทจะสยองนี่ก็ถึงขั้นแหวะไปเลยนะ อันนี้ก็ผิดคาดเหมือนกัน

ผมเลยรู้สึกว่าตอนสุดท้ายนี่มันครบรส น่าติดตามดี และพอมานั่งนึกๆ เรื่องในตอนนี้แล้ว มันก็ทำให้นึกไปถึงตำนานจีนเก่าๆ น่ะครับ เป็นการเอาตำนานมาเล่าในยุคสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ และถือเป็นตอนที่ปิดท้ายหนังชุดนี้ได้อย่างพอเหมาะทีเดียว

ถ้าท่านชอบหนังสยองแนวหลายเรื่องสั้น in 1 เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เลวครับ อาจไม่ได้สยองมาก ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ก็จัดว่าหนังตอบโจทย์สำหรับหนังแนวนี้ได้โอเคอยู่ครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)