
หนังที่ทีมผู้สร้างกะปั้นให้เฉินหลงโด่งดังในอเมริกาตามรอย Bruce Lee ครับ โดยทีมงานส่วนใหญ่ก็คือทีมเดียวกับที่ทำ Enter the Dragon ไม่ว่าจะผู้กำกับ Robert Clouse, ผู้อำนวยการสร้าง Fred Weintraub, คอมโพเซอร์ Lalo Schifrin และมือตัดต่ออย่าง Peter Cheung
และเพื่อให้แนวทางต่างออกไปจาก Enter the Dragon เรื่องราวในหนังเลยย้อนไปเล่าในยุค 1930 ครับ ว่าด้วยครอบครัวชาวจีนที่อพยพไปอยู่ที่นั่น แล้วก็โดนพวกมาเฟียกดขี่ข่มเหง และตัวเอกก็คือกวนอาหลง (เฉินหลง) ที่มีฝีไม้ลายมือกังฟูโดดเด่นจนไปเตะตาเจ้าพ่ออย่างโดมินิซี่ (José Ferrer) ที่กำลังมองหานักสู้ที่เก่งพอจะไปต่อกรกับนักสู้ร่างยักษ์นามว่าบิลลี่ คิส (H.B. Haggerty) พวกเจ้าพ่อเลยบีบให้อาหลงลงแข่งครับ อาหลงเลยต้องฟิตตัวเองเพื่อเอาชนะบิลลี่ คิส และสารพัดนักสู้ที่มาร่วมลงแข่งในทัวร์นาเมนต์นี้ให้ได้
แน่นอนว่าของเข้าท่าในหนังคือลีลาการบู๊ของเฮียเฉินครับ แต่ในด้านเนื้อหาการเดินเรื่องนี่ความน่าสนใจออกจะน้อยไปหน่อย สารภาพว่าตอนดูก็มีแอบหลับบ้างเหมือนกัน เพราะเรื่องราวมันดูไม่ค่อยมีอะไรน่ะครับ ความเข้มข้นก็ไม่เยอะ ลูกเล่นก็ไม่มาก ซึ่งรสชาติค่อนข้างต่างหากจากทางฟากฮ่องกงของเฮียเฉินที่จะมีส่วนผสมระหว่างแอ็คชั่นกับอารมณ์ขันในระดับที่พอเหมาะ และบางช่วงบางตอนยังแอบรู้สึกน่ะครับว่าโทนเรื่องบางช่วงตอนมันดูไม่เข้ากับเฮียเฉินของเราสักเท่าไร
แต่ในแง่รายได้หนังถือว่าประสบความสำเร็จพอตัวครับ หนังทำเงินในอเมริกาไปราวๆ $9 ล้าน ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับหนังที่นำแสดงโดยดาราชาวเอเชีย แต่ถ้าเทียบกับ Enter the Dragon แล้วยังถือว่าห่างไกลกันพอสมควร ซึ่งทางผู้จัดจำหน่ายในอเมริกาอย่าง Warner Bros. ก็ไม่ใคร่จะโอเคเท่าไร เช่นเดียวกับผู้จัดจำหน่ายในฮ่องกงอย่าง Golden Harvest ก็ไม่พอใจกับรายได้ของหนังในฮ่องกงเหมือนกัน
และระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้เฮียเฉินของเราก็มีเรื่องให้หนักใจเหมือนกันครับ โดยเฮียเฉินแกไปเกิดกรณีพิพาทกับผู้กำกับหลอเหว่ยเกี่ยวกับสัญญาจนมีเรื่องเคืองขุ่นกันขึ้น จนตอนนั้นเฮียเฉินเองก็ยังคิดเลยว่าจะกลับไปฮ่องกงได้ไหมเพราะหลอเหว่ยเองก็มีสายสัมพันธ์กับแก๊งมาเฟียอั้งยี่ แต่ยังดีที่สุดท้ายดาราชื่อดังอย่าง หวังหยู่ ช่วยเป็นตัวกลางมาเจรจาให้ จนกรณีพิพาทคลี่คลาย และเฉินหลงสามารถเดินทางกลับไปยังฮ่องกงได้ในปี 1982
ถ้าให้สรุปความ หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าดูได้สำหรับแฟนๆ หนังของเฮียเฉินครับ ว่าตามจริงที่ผมตามมาดูก็เพราะตั้งใจจะเก็บหนังของเฮียเฉินให้ครบ ครั้นดูแล้วก็ต้องขอบอกไปตามที่คิดว่า หนังถือว่าธรรมดาค่อนไปทางยังไม่น่าจดจำนักของเฮียเฉิน หรือถ้าให้พูดตรงๆ กว่านั้นก็คือ ถ้าหนังเรื่องนี้ถอดเอาฉากบู๊กังฟูของเฮียเฉินออกไปล่ะก็ หนังจะไม่เหลืออะไรให้ดูเลยครับ
ไม่ถึงสองดาวครับ

(5.5/10)

หมวดหมู่:Action, Comedy, Kung Fu, Martial Arts, Movie Reviews










