Drama

The Big Country (1958) สองสิงห์จ้าวปฐพี

Untitled07533

หนังเอพิคตะวันตกเรื่องยิ่งใหญ่ของ William Wyler เจ้าของผลงานระดับตำนานอย่าง The Best Years of Our Lives, Roman Holiday และ Ben-Hur

Gregory Peck รับบท เจมส์ แมคเคย์ กัปตันเรือที่ครอบครัวของเขานั้นเป็นเจ้าของบริษัทขนส่งทางเรือรายใหญ่ครับ โดยเขาได้เดินทางมายังดินแดนทางตะวันตกก็เพื่อมาหาแพทริเซีย (Carroll Baker) คู่หมั้นของเขาทีเป็นลูกสาวท่านผู้พันเฮนรี่ เทอร์ริล (Charles Bickford) แต่กลายเป็นว่าเจมส์ได้พาตัวเข้าไปอยู่ในสงครามแย่งชิงที่ดินระหว่างท่านผู้พันกับรูฟัส ฮันเนสซี่ย์ (Burl Ives) ผู้กว้างขวางอีกรายในแถบนั้น

ผมเรียกขานว่าหนังเรื่องนี้เป็นระดับ Epic นี่คือไม่ผิดเลยครับ เพราะมันดูยิ่งใหญ่จริงๆ ส่วนเรื่องราวก็ถือว่าเล่าได้น่าติดตามครับ ช่วงต้นหนังก็ค่อยๆ แนะนำตัวละคร ก่อนจะค่อยๆ เผยปมว่าใครมีเรื่องอะไรกับใคร แล้วจากนั้นเราจะก็ได้เห็นบทบาทของเจมส์ ที่กำลังจะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามการชิงที่ดินครั้งนี้ ซึ่งคาแรคเตอร์ของเจมส์ก็ดูสมเป็นพระเอกครับ นั่นคือมาพร้อมวิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง เวลามองอะไรเขาจะไม่มองเพียงมุมแคบๆ และเขายังเป็นนักประเมินข้อมูล โดยการนำพาตัวเองไปสัมผัสกับของจริงในพื้นที่แถบนั้น ให้รู้ที่มาที่ไปของปัญหาที่เกิดขึ้นแบบจริงๆ จังๆ – ไม่ใช่ฟังจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเพียงฝั่งเดียว

นักแสดงนั้นถือว่าฟอร์มดีมากครับ Peck ดูเหมาะกับบทเจมส์ ที่เป็นคนจริงคนตรง เป็นคนประเภทที่มีดีอวด แต่ไม่อวดดี อีกทั้งยังเป็นคนคมในฝัก คือดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผืนแผ่นดินถิ่นนี้

ส่วน Bickford ที่สื่อตัวตนของท่านผู้พันออกมาได้อย่างดี เขาดูเป็นสุภาพชนที่มีคนนับหน้าถือตา แต่ลึกๆ แล้วก็แอบเป็นวิญญูชนจอมปลอมอยู่เหมือนกัน ผมชอบสีหน้าของเขาในช่วงท้าย ตอนที่เขาทำเป็นว่าจะออกไปเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามเพียงลำพัง แต่แท้จริงแล้วเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเดี๋ยวลูกน้องต้องตามมาแน่ๆ สีหน้าเขามันสื่อความเจ้าเล่ห์ออกมาได้อย่างเนียนทีเดียว

และรายที่ถือว่าเจ๋งจริงต้องยกให้ Ives รายนี้ก็สื่อตัวตนของรูฟัสออกมาได้ดีเหมือนกัน ตอนแรกเขาดูเหมือนจะเป็นคนกักขฬะออกแนวอันธพาล แต่พอเวลาผ่านไป Ives สามารถทำให้คนดูรู้สึกได้ว่าสิงห์เฒ่าผู้นี้ก็มีหัวใจทองคำและเป็นคนจริงกับเขาเหมือนกัน Ives แสดงได้น่าจดจำจนไม่แปลกใจเลยที่เขาจะคว้าออสการสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปได้จากบทนี้

Untitled07534

Baker ก็ถือว่าเก่งไม่น้อยเช่นกันครับ เธอแสดงความเป็นคุณหนูเอาแต่ใจออกมาได้แบบชัดเจน จนพอถึงจุดหนึ่งคนดูจะรู้สึกได้เลยว่าคุณหนูคนนี้กับเจมส์นั้น แท้จริงแล้วเหมาะสมกันหรือไม่, Charlton Heston แสดงเป็นสตีฟ ลีช ลูกน้องของท่านผู้พัน รายนี้ก็ออกแนวร้ายครับ ซึ่งผมว่าหน้าเขาให้ด้วย ดูเป็นคนที่มีความร้าย แต่ไม่ใช่ร้ายลึก เป็นความร้ายประเภทสื่อชัดออกตรงหน้า ซึ่ง Heston ก็ทำได้ดีอยู่ครับ

อีก 2 คนที่แอบขโมยซีนเป็นพักๆ คือ Alfonso Bedoya ในบทราโมน หนึ่งในคนงานของท่านผู้พันที่ไปๆ มาๆ กลายเป็นคนใกล้ชิดของเจมส์ และ Chuck Connors เป็นบั๊ค ฮันเนสซี่ย์ รายนี้ก็ทำให้คนดูรู้สึกหมั่นไส้ได้ไม่น้อย เพราะพี่แกแสดงออกชัดว่าเป็นคนประเภทชอบฉวยโอกาส ไม่ซัดกับใครซึ่งๆ หน้า จนผมสารภาพเลยว่าอยากเห็นพี่เขาโดนจัดการซะจริงๆ เชียว

แต่กระนั้นก็มีข่าวว่าการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ก็ใช่จะราบรื่นครับ เรื่องที่ดังที่สุดหนีไม่พ้นการแตกหักระหว่าง Peck และ Wyler ซึ่งทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกันหลังร่วมงานกันใน Roman Holiday แต่สายสัมพันธ์มีอันต้องร้าวฉานเมื่อพวกเขามีปัญหากันระหว่างถ่ายทำ เรื่องรุนแรงถึงขั้นว่า Wyler ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะไม่ทำงานกับ Peck อีก ต่อให้ได้เงินเป็นล้านก็ตาม

ส่วน Jean Simmons นั้นก็ออกมายอมรับเหมือนกันว่าการถ่ายทำหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ทรมานมากสำหรับเธอ จนเธอปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์อยู่หลายปี ต้องรอจนถึงยุค 80 ที่เธอยอมออกมาเปิดใจว่าเธอทำงานได้ลำบากมาก เพราะบทมีการรีไรท์แทบทุกวัน บางวันพอเธอได้รับบทชุดใหม่ เธอก็ต้องยอมอดนอนทั้งคืนเพื่อทำความเข้าใจกับบทนั้น ก่อนที่วันต่อมาก็มีบทชุดใหม่ของใหม่ออกมาอีก จนทำให้เธอยากยิ่งที่จะแสดงได้อย่างเหมาะสมอย่างแท้จริง

Untitled07535

ไหนจะความขัดแย้งระหว่าง Wyler กับคอมโพเซอร์ Jerome Moross ที่ Wyler นั้นไม่ชอบดนตรีที่ Moross แต่งขึ้นเลย จนเขาต้องไปจ้างคนอื่นมาทำดนตรีให้ใหม่ทั้งหมด แต่กลายเป็นว่าในรอบพรีวิวคนดูกลับไม่โอเคกับดนตรี แล้วในที่สุด Peck ก็เป็นฝ่ายโน้มน้าวให้ Wyler ยอมใช้ดนตรีของ Moross แล้วผลที่ตามมาก็คือ หนังได้เข้าชิงสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมครับ และผมก็ต้องยอมรับว่างานดนตรีนั้นน่าจดจำจริง

ว่ากันว่าคนเดียวที่ไม่มีปัญหากับ Wyler เลยคือ Ives ครับ

และจริงๆ แล้วตอนแรก Heston จะบอกปัดบทสตีฟไปครับ เพราะเขามองว่าบทนี้ยังไม่ใหญ่พอ แต่เอเย่นต์ของเขาก็เกลี้ยกล่อมว่าการได้ร่วมแสดงในหนังของ Wyler และได้เข้าฉากกับ Peck นั้นจะส่งผลดีต่ออาชีพการแสดงของเขานะ Heston เลยยอมเล่น และมันก็เป็นผลดีจริงๆ ครับ เพราะในเวลาต่อมา Heston ก็ได้ร่วมงานกับ Wyler ในหนังมหากาพย์สุดยิ่งใหญ่อย่าง Ben-Hur

อีกหนึ่งเกร็ดที่นำมาฝากคือ หนังได้รับการบันทึกว่าเป็นหนึ่งในหนังโปรดของ Dwight D. Eisenhower อดีตประธานาธิบดีของอเมริกาครับ

แม้เบื้องหลังการถ่ายทำอาจมีความขลุกขลั่กบ้างก็ตาม แต่ผลงานชิ้นนี้ก็ยังถือว่าน่าจดจำครับ ถือเป็นหนัง Epic แนวตะวันตกที่คลาสสิคแบบที่คอหนังแนวนี้ควรได้ลองสัมผัสดูครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)