
แนะนำต่อนะครับสำหรับหนังจีนชุดที่สร้างจากนิยายเล็กเซียวหงส์ หลังจากผมแนะนำฉบับหลิวสงเหยินต่อด้วยฉบับว่านจื่อเหลียงแล้ว ก็ได้เวลาสำหรับฉบับใหม่ถัดมานะครับ โดยผมจะขอข้ามมาแนะนำ “เล็กเซียวหงส์ ภาค 2” ที่สร้างเมื่อปี 2001 เลย ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีภาคก่อนหน้าครับ ชื่อว่า “เล็กเซียวหงส์ จอมกระบี่สะท้านยุทธ” ที่ได้หลินจื้ออิงแสดงเป็นพี่เล็ก ซึ่งก็ดูได้ครับ แต่สารภาพว่าไม่ประทับใจนัก และที่ตะหงิดมากหน่อยคือการแต่งกายของพี่เล็กที่ขัดตาพอตัว
ผมเลยขอข้ามช็อตมาพูดถึงภาค 2 นะครับ ที่แม้จะไม่สุดยอดเท่าฉบับหลิวสงเหยิน แต่ผมก็รู้สึกชอบและดูเพลินทีเดียว
เรื่องราวของภาคนี้ต่อจากภาคก่อนนะครับ หลังจากไซมึ้งชวยเสาะ (หลี่หมิงซุ่น) จอมกระบี่เป่าโลหิตสามารถเอาชนะเอี๊ยบโกวเซี๊ยะเจ้านครเมฆขาวลงได้ เขาก็โดนคนมากมายมาขอท้าประลอง จนในที่สุดเขาก็พบสัจธรรมที่จะวางมือจากยุทธภพเพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่เหลือกับซุนซิ่วแช ภรรยาของเขา
แต่แล้วกลางงานล้างมือในอ่างทองนั้น เล็กเซียวหงส์ (ซุนเย่าเหว่ย) ดันโผล่เข้ามาด้วยท่าทางเมามายและยังลวนลามซุนซิ่วแชอีกต่างหาก ทำให้กระบี่ของไซมึ้งต้องออกจากฝักอีกครั้ง และไซมึ้งก็ไล่ล่าตามฆ่าเล็กเซี่ยวหงส์ จนทำให้พี่เล็กของผมระหกระเหินหนีเข้าป่า แล้วก็ค่อยๆ นำพาตัวเองไปสู่แดนที่เรียกว่า หมู่บ้านวิญญาณ สถานที่ลึกลับที่มีคนลึกลับนามว่าเล่าเตาปาจือเฝ้าอยู่ และเขาผู้นี้ก็มีแผนร้ายบางอย่างด้วย แต่มันจะเป็นเรื่องใด และเล็กเซียวหงส์จะจัดการได้หรือไม่ ไม่ต้องบอกก็รู้น่ะนะครับ
อ่านถึงตรงนี้คอนิยายอ๋อทันที เพราะเป็นการเอานิยายตอน หมู่ตึกภูตพรายมาเล่าใหม่ เฮ่อ ผมก็แทบกระอักล่ะครับ เพิ่งดูเล็กเสี่ยวหง หงส์ผงาดฟ้า ภาค 3 ฉบับเก่าไป ซึ่งมันก็เป็นการเอาเรื่องหมู่ตึกภูตพรายมาเล่าเหมือนกัน เรื่องเลยเดาได้สนุกล่ะครับ แต่ก็ยอมรับว่าหนังชุดนี้พยายามดัดแปลงเรื่องราว ซึ่งก็ไม่เลวครับ โดยเอาเรื่องเดิมมายำต่อจากภาคก่อน นั่นคือเอาเรื่องของเอี๊ยบโกวฮ้ง (เจียงเฮ่าหนาน) ผู้ครองนครเมฆขาวคนล่าสุดใส่ลงมาด้วย ก็เป็นการต่อเรื่องบุญคุณความแค้นของไซมึ้งกับตระกูลเอี๊ยบไปในตัว
ในตอนนี้จะว่าไปก็เรื่อยๆ ครับ ไม่ได้มันส์โคตร แต่ก็ดูสนุกเพลินๆ ผมดันเดาแนวเรื่องได้แล้วด้วยเลยไม่หวือหวาอะไรนัก แต่จุดที่เด่นคือคิวบู๊ครับ ทำได้มันส์และเล่น Effect ได้ดี ตีกันมันส์มาก เป็นอะไรที่ทำให้หนังดูเพลินขึ้น รวมถึงฉากที่ดูลงทุนมากขึ้น อย่างฉากภายในหมู่ตึกก็ดีครับ ดูทะมึนดี การวางเรื่องต่างๆ ก็โอเค
นักแสดงอย่างซุนเย่าเหว่ย ก็ดูไปได้ดีกับบทเล็กเซียวหงส์ แต่พี่แกดูเด็กไปหน่อยครับ เลยกลายเป็นพี่เล็กเวอร์ชั่นยังไม่ค่อยจะสิ้นกลิ่นน้ำนมเท่าไหร่ ไม่ใช่แกเล่นไม่ดีนะครับ เพียงแต่เด็กไปนิด นอกจากนี้ลีลาความสุขุมก็ไม่ค่อยจะมี ส่วนมากเน้นทะเล้นแบบหนุ่มกะล่อนมากกว่า ซึ่งพี่เล็กแกทะเล้นจริงแต่ไม่ขนาดนั้นครับ แกจะนิ่งแบบพอดีๆ กว่านี้ เอาเถอะ แต่อย่างน้อยผมว่าแกดูเหมาะกว่าหลินจื้ออิงครับ

ในขณะที่นักแสดงรายอื่นๆ ก็คัดมาดีครับ โดยเฉพาะหลี่หมิงซุ่น กับบทไซมึ้งชวยเสาะที่ดูเย็นยะเยียบดี เหมาะกับบทมาก ท่าทางดูเท่ห์และเป็นมือกระบี่จริงๆ และอีกรายก็คือ เฉินไท่หมิงกับบทฮวยมั่วเล้า สหายตาบอดของพี่เล็ก ไท่หมิงก็เล่นได้อย่างดีครับ ดูเป็นบอดที่เท่ห์มาก มีพร้อมทั้งอารมณ์ขันและฝีมือ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยได้ตีคู่กับเล็กเซี่ยวหงส์เท่าไหร่ จุดนี้ตะหงิดใจมาตั้งแต่ดูพี่เล็กเวอร์ชั่นเก่าแล้วน่ะครับ ผมว่าพี่เล็กจะดูสนุกก็เพราะสหายนี่แหละ ยิ่งตอนประกบคู่กันแล้วเล่นมุขนี่มันส์จริงๆ แต่ในเรื่องพี่เล็กจะเน้นโชว์เดี่ยวมากกว่า ก็เลยออกจะน่าเสียดายหน่อย
ไปๆ มาๆ จุดที่สนุกก็คือตอนที่ฮวยมั่วเล่ากับสหายอย่างซือคงเชียะแซ คุณชายถัง และหลวงจีนอ้วนมาคุยกันน่ะครับ มีอะไรให้ฮาทุกที ยิ่งตอนเจอกับพี่เล็กแล้วรุมด่ากันนี่ฮามากๆ
ผมว่าบทสมทบก็ช่วยหนังได้เยอะครับ เพียงแต่หนังจะไม่ค่อยเน้นน่ะ ยิ่งช่วงหลังๆ นี่แทบจะเงียบไปเลย จนน่าเสียดายเหมือนกัน และอีกอย่างคือหนังพี่เล็กชุดนี้จับเอาแต่ตอนที่พี่เล็กลุยเดี่ยวมาทั้งนั้น คือ หนังเอาพล็อตของนิยายตอนหมู่ตึกภูตพรายมาในครึ่งแรกครับ แล้วก็มีพล็อตที่แต่งเอาเกี่ยวกับนักดาบที่ต้องการมาเป็นสหายกับไซมึ้งชวยเสาะอีกราวๆ ห้าหกตอน และลงสรุปเรื่องด้วยการเอานิยายตอน เกาะมหาภัยมาดัดแปลงเรื่องราวอีก ซึ่งเนื้อหาในครึ่งหลังก็คล้ายนิยายครับ เพียงแต่จะมีการเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้นหน่อย ก็ไม่เลวครับ
เอาล่ะ แล้วตกลงว่าหนังชุดนี้เป็นไง ก็ร่ายทีละเรื่องเลยนะครับ จุดที่เด่นมากคือคิวบู๊กับงาน Effect นี่ทำได้ดีมาก ตื่นตาดี ฉากสู้กันก็ประทับใจไม่น่าผิดหวัง
ดาราก็คัดมาดีครับ เรื่องฮาๆ นี่ใช้ได้ เพียงแต่ยังไม่มากและยังไม่ลงตัวพอ แม้พวกสมทบจะมาได้ฮาจริง แต่จังหวะการโผล่มันยังไม่ค่อยจะไปกลมกลืนกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ คือถ้าตีคู่กับพี่เล็กไปก็คงดีครับ แต่นี่เหมือนโผล่มาคั่นฉากมากกว่า ซึ่งแม้ผมจะชอบเพราะมันฮา แต่หากพูดในแง่ของความเป็นหนังแล้ว มันยังไม่เป็นเนื้อเดียวกันซักเท่าไหร่
ด้านการเดินเรื่อง ถ้าหากท่านไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนก็อาจจะเพลินกับเรื่องราวได้ครับ เพราะเนื้อเรื่องและพล็อตวางมาได้ดี แต่เผอิญผมดันอ่านแล้ว เดาได้หมด อารมณ์ลุ้นเลยอาจไม่มา แต่ก็ยังถือว่าสนุกอยู่ครับ
ดนตรีหรือเพลงนำจัดว่าเร้าใจใช้ได้ สาวๆ ในเรื่องที่ผมชอบจริงๆ คือ Yvonne Lin Xiang Ping ในบทเอี๊ยบเซาะ น้องสาวของเอี๊ยบโกวฮ้ง รายนี้น่ารักครับ เล่นได้สดใสมากๆ ส่วนรายอื่นๆ ก็เหมือนกับเรื่อยๆ มากกว่าครับ อย่างหลี่จือกับบทหานหลิง สาวที่พี่เล็กไปเจอในหมู่ตึกก็ค่อนข้างหน้าซ้ำไปหน่อยน่ะครับ เดาบุคลิกเธอได้ไม่ยากเลย
นอกจากนี้พวกพล็อตเกี่ยวกับดราม่านี่คงต้องขอผ่านล่ะครับ ไม่ได้เข้มข้นหรือซับซ้อนทางอารมณ์เท่าไหร่ เรื่องโรแมนติกหรือความรักก็ออกมาแบบผ่านๆ จริงๆ ในช่วงครึ่งหลังหากใครอ่านนิยายมาย่อมทราบว่าซังบวงก็คือหญิงที่เล็กเซียวหงส์รักที่สุด แต่โดยส่วนตัวนะครับผมว่าในฉบับนิยายนั้นก็ยังเขียนเรื่องความรักได้ไม่ค่อยเจ๋งเต็มร้อยเหมือนกัน ยังพร่องๆ อยู่ สู้ตอนที่ชอลิ้วเฮียงพบรักใน ดวงชะตาดอกท้อไม่ได้ และแน่นอนครับในหนังประเด็นความรักก็ยังไม่เข้มที่ประทับใจเท่าที่ควร คือถ้าจะมีประทับใจก็คงเป็นการแสดงของ Yvonne Lin น่ะครับ เธอดูรักพี่เล็กแบบจริงใจจริงๆ
ถ้าถามว่าดูดีมั้ย ผมก็ว่าหนังมันอยู่ในระดับเรื่อยๆ ครับ ดูเพลินๆ พอจะสนุกอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยฉากบู๊ก็ดีล่ะ แต่การทิ้งปมตามเรื่องอาจจะพร่องไปบ้าง ถ้าดูแบบเอาบันเทิงมันก็พอบันเทิงได้
และสุดท้าย ก็ต้องมีการไปเปรียบกับฉบับเก่าซะหน่อย ผลก็คือ ของเก่าฉบับหลิวสงเหยินยอดมากกว่าครับ ทั้งการแสดง การเดินเรื่อง การทิ้งปม แต่จุดที่ฉบับนี้ชนะคือ ฉากบู๊ที่ถึงใจและฉากที่ดูลงทุนกว่า
ถ้าไม่คาดหวังก็ดูได้ครับ เพลินๆ น่ะ พอๆ กับฉบับว่านจื่อเหลียงนั่นแหละครับ
สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)










