Comedy

Love Is in the Air (2023) รักลอยลำ

Untitled06554

ผมเว้นช่วงในการดูหนังรักโรแมนติกไปนานพอดูครับ เหมือนถึงจุดอิ่มตัวในช่วงหนึ่งเลยมีการพัก แล้วก็ปล่อยให้หนังรักหลายเรื่องผ่านตาไป กะไว้ว่าถ้าเกิดอารมณ์อยากดูเมื่อไรแล้ว ก็ค่อยคว้ามาดู และ Love Is in the Air ถือเป็นเรื่องแรกครับ ผลก็คือดูแล้วแฮ้ปปี้ใช้ได้เลยทีเดียว

เดน่า แรนดัลล์ (Delta Goodrem) นักบินสาวที่พยายามดำเนินธุรกิจสายการบินฟูลเลอร์ตันของครอบครัวให้ไปรอด แต่ในสายตาของนักลงทุนแล้วสถานภาพของสายการบินไม่น่าลงทุนต่อ ส่งผลให้ วิลเลี่ยม มิตเชลล์ (Joshua Sasse) เดินทางมาเพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าจะต้องขายสายการบินทิ้ง แต่ก็นั่นล่ะครับ พอวิลเลี่ยมได้เจอกับเดน่า ได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ และเห็นสิ่งดีๆ ที่เธอทำให้กับชุมชนเขาก็เลยเริ่มมองอนาคตสายการบินแห่งนี้ใหม่อีกครั้ง แต่เขาจะสามารถเปลี่ยนใจพ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทได้หรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามกันครับ

หนังมาตามสูตรคุ้นเคยครับ ตัวเอกฝ่ายหนึ่งจะต้องอยู่ในเมืองชนบทและทำงานที่ตนรัก – และงานนั้นก็มักจะอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่น อยู่ในข่าย “งานสร้างสุขแต่ไม่สร้างกำไร” – จากนั้นตัวเอกอีกฝ่ายก็จะเดินทางจากเมืองใหญ่ มาเพื่อบอกข่าวร้าย แต่จนแล้วจนรอดตัวเอกคนนั้นก็จะยังไม่บอกข่าวร้ายในทันที มันจะมีเหตุให้อ้ำอึ้งบอกไม่ได้ แล้วทั้งคู่ก็จะเริ่มรักกัน เริ่มรู้สึกดีๆ ต่อกัน และเมื่อนั้นล่ะครับ ข่าวร้ายที่อีกฝ่ายซ่อนไว้มันจะต้องถูกเปิดเผย ทำให้ความสัมพันธ์เกิดร้าวฉาน จนทั้งคู่ต้องแยกทางกันเดิน แล้วจากนั้นตอนท้ายก็จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพิสูจน์ความรัก แก้ไขความร้าวฉานที่เกิด ก่อนที่บทสรุปจะลงเอยด้วยอ้อมกอดและการจูบที่ดูดดื่ม แล้วก็เรียบร้อยครับ หนัง Happy Ending

ตอนต้นๆ หนังอาจยังไม่ค่อยคล่องคอนักครับ คาแรคเตอร์ของเดน่ากับวิลเลี่ยมดูจะต่างกันเยอะอยู่ แต่ก็พอเข้าใจล่ะครับว่าหนังคงต้องการนำเสนอให้เห็นความต่างระหว่างหนุ่มชาวเมืองกับสาวชาวบ้าน ช่วงแรกนี่ความโรแมนซ์จะยังไม่ทำงาน แต่พอหนังเดินเรื่องไปสักพัก พอเริ่มมีฉากประเภท นางเอกแอบมองพระเอก หรือพระเอกแอบอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของนางเอก ทีนี้ความโรแมนซ์ก็เริ่มมาแล้วครับ ดังนั้นช่วงกลางๆ เรื่องความหวานจะเริ่มมา เมื่อมาบวกกับบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ ที่หนังสรรหาฉากมาใส่ลงไป อารมณ์ของหนังก็จะเริ่มได้ที่

Goodrem กับ Sasse ถือว่าเข้ากันได้แบบพอเหมาะครับ อย่างที่บอกว่าตอนต้นๆ อาจยังไม่เท่าไร แต่พอเวลาผ่านไป พวกเขาก็เริ่มดูเหมาะกันมากขึ้นๆ อย่างฉากดูดาวนั้นเป็นอะไรที่น่ารักดีครับ

Untitled06555

และเดาว่าคนทำคงรู้ดีว่าสิ่งดึงดูดคนดูอย่างหนึ่งสำหรับหนังแนวนี้คือวิวสวยๆ เรื่องนี้เลยจัดให้เต็มครับ เพราะนางเอกเป็นนักบิน เลยจะมีฉากเธอขับเครื่องบินโฉบไปตามวิวต่างๆ ของพื้นที่แถบนั้น เอาภาพป่าสวยทะเลใสมาเสิร์ฟเราเป็นระยะๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้ถ่ายทำกันที่รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียครับ บรรยากาศที่เห็นในเรื่องก็ถือว่าหย่อนใจใช้ได้

สำหรับผมแล้ว เกณฑ์ง่ายๆ อย่างหนึ่งที่จะวัดว่าหนังเวิร์ก (สำหรับผม) ไหม อย่างหนึ่งคือฉากตอนทั้งคู่เกิดความร้าวฉานครับ เพราะบางเรื่องบทก็เขียนให้ทั้งคู่ตีกันแบบไม่เนียนเท่าไร เหมือนจู่ๆ จะให้ทั้งคู่ทะเลาะกันก็เลยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือทั้งสองฝ่าย) เกิดไร้เหตุผลสุดๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่กับเรื่องนี้จังหวะถือว่าใช้ได้ครับ พอเข้าใจเหตุผลอยู่ว่าทำไมพระนางถึงโกรธกัน และที่ผมชอบอีกอย่างคือจังหวะการแก้ปมมันก็มาแบบพอดีด้วย ไม่ได้ทิ้งช่วงให้หนังดูขุ่นมัวนานเกิน

ที่ชอบอีกอย่างคือบทสรุปในตอนท้าย ที่ทั้งพระเอกและนางเอกต่างก็เชื่อมั่นในอีกฝ่าย และคอยให้การสนับสนุนกันและกัน พอฝ่ายหนึ่งยืนหยัดอีกฝ่ายก็พร้อมจะยื่นมือรับลูกต่อ อาจไม่ได้เรียกว่าก้าวไปพร้อมกันน่ะนะครับ แต่ถือว่าก้าวไปด้วยกัน จังหวะในการก้าวอาจคนละโทน สเต็ปในการลงมืออาจคนละแบบ แต่ทั้งคู่เดินไปด้วยกันได้ เติมเต็มให้กัน เสริมในสิ่งขาด – จริงๆ ชีวิตคู่ก็คืออะไรแบบนี้แหละครับ

นั่นอาจเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกโอเคกับหนังนะครับ เพราะหนังไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของคนที่ดูเหมาะสมเข้าคู่กันมาแต่ไกล แต่เป็นการนำเสนอคู่รักที่มีความแตกต่าง แต่สุดท้ายก็สามารถโอบกอดตัวตนที่แตกต่างของกันและกันได้ เป็นอะไรที่ดูโรแมนซ์ไปอีกแบบครับ

ถือเป็นหนังรัก Feel Good ที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ อาจไม่ถึงกับกลมกล่อมมาก มีขาดมีเกินบ้าง อย่างตัวละครสมทบเช่น นิคกี้ (Steph Tisdell) ช่างประจำสายการบินที่บางวาระก็ดูมองอะไรแบบลบๆ แต่บทจะมองบวกก็พลิกบวกขึ้นมาง่ายๆ เลย (โดยส่วนตัวยมองว่าคนเขียนบทตั้งใจใช้ตัวละครนี้ในการเสริมอารมณ์และความคิดของนางเอกน่ะครับ เพียงแต่บางจุดอาจยังไม่เนียนเท่านั้น)

โดยรวมก็โอเคครับ ดูสบายๆ เสพความ Feel Good กันไป ขอเพียงไม่คาดหวังก็น่าจะตอบโจทย์คนอยากดูหนังรักได้บ้าง

สองดาวครับ

Star21

(6/10)