Action

3 อหังการ์ เจ้าสุริยา (2007) The Warlords

Untitled06291

ก่อนเปิด 3 อหังการ์ เจ้าสุริยาThe Warlords ดูนั้นผมลืมตั้งหลักไปนิดนึงครับ ลืมไปว่าหนังน่าจะหนักไม่ใช่น้อยเพราะเป็นแนวสงครามว่าด้วยการฆ่าฟันล้างผลาญ ไหนจะมีเรื่องปมขัดแย้งระหว่างตัวละครอีก เลยทำให้พอดูไปสักพักก็รู้สึกไหล่ล้าบ่าหนักขึ้นมาจนได้

เป็นเรื่องราวของ 3 พี่น้องร่วมสาบาน ผังชิงหยุน (หลี่เหลียนเจี๋ย, Jet Li), จ้าวเอ้อหู่ (หลิวเต๋อหัว, Andy Lau) และเจียงอู่หยาง (Takeshi Kaneshiro) ที่โชคชะตาได้พาพวกเขามาเจอกัน ตอนแรกนั้นเอ้อหู่กับอู่หยางเป็นโจรครับ คอยดักเข่นฆ่าปล้นชิง แล้วชิงหยุนที่เคยเป็นขุนนางมาก่อนก็ชวนพี่น้องไปร่วมรบให้ทางการ จะได้มีเงินมีทองแบบไม่ต้องไปปล้นใคร (แต่ก็ยังต้องฆ่าคนอยู่ดี)

หนังก็บอกเล่าจุดเริ่มต้นที่พวกเขาได้รู้จักกัน เรื่อยมาถึงตอนที่ร่วมรบแบบแลกชีวิต ก่อนที่ตอนท้ายพวกเขาจะเกิดปมขัดแย้งกันทำให้พี่น้องร่วมสาบานต้องกระทำต่อกันถึงขั้นแตกหัก

ใครจะดูเรื่องนี้บอกก่อนเลยครับว่าหนังเครียดพอดู เพราะทั้งเรื่องว่าด้วยโลกแห่งการเข่นฆ่า โลกที่ระอุไปด้วยสงคราม โลกแห่งกิเลสตัณหาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ไหนจะมีเรื่องโลกแห่งอำนาจการเมืองและผลประโยชน์อีก เรียกว่าหนังเล่นกับประเด็นเหล่านี้ตลอดทั้งเรื่องครับ และพูดกันตรงๆ เลยว่าโลกในหนังนั้นไม่ใช่โลกที่น่าอยู่ ไม่กระทั่งน่าดูครับ หลายครั้งเลยที่มันน่าเบือนหน้าหนีเสียมากกว่า

แต่ก็ปฏฺิเสธไม่ได้ครับว่ามันก็คือโลกแห่งความจริง โลกที่เราอยู่ใบนี้มันก็มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วยเช่นกัน

กระนั้นผมก็ชอบครับ อย่างแรกเลยคือหนังมันเข้มดี อารมณ์ของหนังมันคละคลุ้งไปด้วยดินโคลนและคาวเลือด โลกที่เราเห็นในหนังมันคือโลกแห่งการอยู่รอด จริงครับที่การเป็นโจรมาปล้นชิงเข่นฆ่านั้นไม่ใช่เรื่องดี แต่มันก็คือความจริงของโลก ณ ยุคสมัยหนึ่งที่ผู้แข็งแกร่งและสามารถปรับตัวได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด ใครไม่แกร่งพอและยืดหยุ่นได้ไม่มากพอก็ต้องถูกกำจัดไป – จริงๆ สมัยนี้หรือสมัยนั้นมันก็ไม่ต่างกันครับ แค่ความโหดแบบซึ่งๆ หน้ามันอาจจะต่างกันสักหน่อยเท่านั้นแหละ

ของชอบอย่างต่อมาคือเหล่าดาราที่มาเชือดเฉือนฝีมือกัน 3 ดารานำอย่าง หลี่เหลียนเจี๋ย, หลิวเต๋อหัว และ Takeshi Kaneshiro ต่างก็แสดงกันได้อย่างดี แต่ละคนได้แสดงอารมณ์กันมากกว่าหนึ่งมิติ

บางคนก็แสดงถึงความเป็นผู้นำในโลกแห่งการทำงานที่ดูสง่าผ่าเผยแต่กลับมีเรื่องลับๆ ที่แฝงเร้นไว้บอกใครไม่ได้

บางคนเคยเป็นผู้นำ ครั้นพอสถานการณ์เปลี่ยนให้ต้องกลายเป็นผู้ตามอันนำมาซึ่งคำถามที่เพิ่มขึ้นในใจทุกขณะ

บางคนก็สับสนกับสถานการณ์ที่ผันเปลี่ยนไปมา โดยเฉพาะการต้องมายืนเป็นคนกลางระหว่างพี่น้อง มันช่างยากยิ่งในการวางตัว

และที่ลืมไม่ได้คือหนังสะท้อนความจริงง่ายๆ ว่า หากคนเรามีความสามัคคีก็สามารถบังเกิดพลังอันมหาศาล แต่หากสามัคคีนั้นแตกสลายเมื่อไร หายนะอันยิ่งใหญ่ก็พร้อมจะปะทุขึ้นได้เมื่อนั้น

Untitled06292

ที่สำคัญคือแต่ละคนล้วนเป็นมนุษย์ปุถุชน มีรักโลภโกรธหลง การกระทำก็มีทั้งดีและร้าย ไม่มีใครเป็นพระเอกจ๋า ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่ ไม่มีจอมยุทธคุณธรรม ยอมรับเลยครับว่าดูแค่ 3 คนนี้มาเล่นร่วมกันก็คุ้มแล้วล่ะ

อีกหนึ่งตัวละครที่มีความสำคัญคือภรรยาของจ้าวเอ้อหู่ รับบทโดย ซูจิงเล่ย (Jinglei Xu) ในแง่ความเด่นอาจไม่เทียบเท่า 3 ตัวละครหลัก แต่ก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สะท้อนแง่มุมหนึ่งของคนที่หาใช่แข็งแกร่งเป็นหินผา หากแต่สามารถหวั่นไหวปลิดปลิวได้ตามกระแสแห่งห้วงอารมณ์

หนังยังสะท้อนความจริงของโลกของอำนาจ ที่บางคนก็มุ่งหมายกอบโกยและหวังกุมอำนาจไว้ให้นานที่สุด พร้อมจะใช้ใครก็ตามมาเป็นเครื่องมือ เป็นขั้นบันไดในการนำพาตัวเองสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือต่อให้ไม่สูงขึ้น อย่างน้อยก็ต้องทำให้ตนเองมีความมั่นคงขึ้น และแน่นอนว่าหากคนที่เป็นเครื่องมือนั้นมีแววจะมีอนาคตแซงหน้าตน หรือทำให้ตำแหน่งของตนสั่นคลอนแล้ว คนผู้นั้นก็ต้องถูกโค่น ถูกปราบ ถูกกำจัดไปให้พ้นทาง

ส่วนบางคนในโลกแห่งอำนาจ ก็มีที่เหนื่อยหน่ายเหนื่อยล้า อยากปลดตนเองให้พ้นจากพันธนาการ อยากออกจากโลกแห่งอำนาจไปให้ไกล ชนิดที่หากเอาชีวิตของตนแลกกับอิสระได้ก็ยินยอม

แต่สำหรับบางคนแล้วการจะไปให้พ้นจากโลกแห่งอำนาจนั้นมันช่างยากแสนยาก หรือถ้าพูดภาษาชาวยุทธก็คงต้องบอกว่า “มันยากเย็นเหลือเกิน ที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง”

ถ้าถามว่าได้อะไรจากหนังบ้าง สิ่งสำคัญเลยคือการได้ดูละครชีวิตเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งครับ ดูเพื่อทำความเข้าใจความสลับซับซ้อนของมนุษย์ปุถุชนที่จะว่าซับซ้อนก็ได้ หรือจะมองแบบถอดรหัสเราก็จะเห็นภาพรวมของโลกอันแสนวุ่นวาย ซึ่งแท้จริงแล้วมันก็คือเรื่องธรรมดาอย่างหนึ่งในโลก เรื่องแบบนี้มันเวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย จริงๆ มันคงจะถือกำเนิดมาพร้อมๆ กับมนุษย์นั่นแหละ

เราสามารถดูหนังเพื่อใช้มันมาเปรียบเลียบเทียบเคียงกับเรื่องราวในโลกที่เราเห็นกันอยู่ทุกวี่วัน แล้วก็ลองถามตัวเองเล่นๆ ว่าเราจะมัวแต่อินจมไปกับข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ หรือเราจะใช้บทเรียนในหนังมาสะท้อนแง่มุมต่างๆ ในข่าวเพื่อให้เราเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และไม่จมจ่อมไปกับมัน

เราจะอยู่ในโลกแบบจมน้ำ ลอยคอ หรือลอยลำ ส่วนสำคัญก็ขึ้นกับตัวเรา

ถือเป็นหนังดราม่าย้อนยุคสงครามที่น่าดูครับ เอาแค่ดาราตัวพ่อ 3 คนมาเจอกันก็คุ้มแล้ว เพียงแต่ก่อนดูอาจต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้สักนิดถึงความเครียดที่หนังมี ที่แน่ๆ คือหนังไม่เหมาะแก่การดูเพื่อผ่อนคลายน่ะครับ ดูแล้วมีแต่จะขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่มากก็น้อย

สองดาวครึ่งแบบเข้มๆ ครับ

Star22

(7/10)