Adventure

The Super Mario Bros. Movie (2023) เดอะ ซูเปอร์ มาริโอ้ บราเธอร์ส มูฟวี่

Untitled06057

The Super Mario Bros. Movie ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของการทำหนังนะครับ บทเรียนที่ว่าคือ การตระหนักเสียก่อนรู้ว่าตนเองคือใคร แล้วก็เดินหน้าที่อะไรที่มันเหมาะสมกับความเป็นตัวเอง แล้วผลที่ได้ก็จะออกมาเข้าท่าเอง (ยกเว้นจังหวะซวยจริงๆ ก็ว่ากันอีกเรื่อง)

ที่บอกแบบนี้ก็เพราะผมยังจำ Super Mario Bros. ฉบับปี 1993 ได้ครับ ฉบับนั้นดัดแปลงเป็นหนังคนแสดง แล้วผลคือออกมาเละมาก ดูแล้วชวนให้ “อิหยังวะ” ตั้งแต่ตอนดูรอบแรก คือในแง่หนึ่งก็คารวะในความพยายามน่ะนะครับ คือพยายามเขียนเรื่องผูกเรื่องให้มันมาอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่มันไม่ใช่อ้ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “เห็ด” ครับ คือคอเกมย่อมรู้ดีว่าเห็ดนี่คือของสำคัญของโลกมาริโอ้ เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ และหนังก็ใส่ลงมาจริงๆ แต่แทนที่จะเป็นเห็ดแบบน่ารักๆ พี่ท่านล่อ “เห็ดรา” ลงมาแทน จำได้เลยว่าอึ้งมาก – อึ้งยันปัจจุบัน

แต่บัดนี้หนังเรื่องนั้นกลายเป็นเพียงความทรงจำไปแล้วครับ เพราะเรามีหนังมาริโอ้เรื่องใหม่ที่เป็นมาริโอ้ในแบบที่สมควรเป็น ผมเห็นด้วยเลยที่หนังทำเป็นแอนิเมชั่น คือถ้าดัดแปลงเป็นโลกจริงมันยากนักก็ทำเป็นตัวการ์ตูนเลยครับ จะได้วาดออกมาตรงตามคาแรคเตอร์ รวมถึงโลกในหนังก็จะได้ไม่ต้องมาอิงกับหลักวิทยาศาสตร์อะไร คือจัดหนักแฟนตาซีแบบเต็มคราบไปเลย แบบนี้มาถูกทางแล้ว

ส่วนตัวหนังก็จัดว่าสนุกครับ หนังเดินเรื่องค่อนข้างเร็ว และที่สำคัญคือจังหวะอะไรต่อมิอะไรมันค่อนข้างพอดี ตั้งแต่แนะนำตัวละคร 2 พี่น้องมาริโอ้และลุยจิ แนะนำตัวบาวเซอร์ (ที่ผมจะติดเรียกว่าคุปป้ามากกว่า) ส่วนตัวเจ้าหญิงพีชนั้นก็มีการดัดแปลงสักหน่อย จากเจ้าหญิงที่รอให้มาริโอ้ไปช่วยก็กลายเป็นยอดหญิงแกร่งที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่ออาณาจักร อันนี้ถือว่าดัดแปลงได้เข้าท่าครับ เวิร์กๆ

จริงๆ ผมกะว่าจะไม่พูดอะไรมากน่ะครับ เพราะหนังมันสนุกอยู่แล้ว ตอบโจทย์บันเทิงครับ เด็กๆ ดูน่าจะเพลิน ส่วนผู้ใหญ่ที่เคยผ่านเกมมาริโอ้มาก่อน ผมว่าหนังตอบโจทย์ได้ตรงเป้าเลยนะ ผมนี่ยอมรับเลยว่าระหว่างดูนี่ยิ้มตลอด เพราะหนังใส่อะไรที่มันเป็น “มาริโอ้” ลงมาแบบพอเหมาะและค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเรื่องท่อ เรื่องเห็ด เรื่องดาว เรื่องบล็อก ไหนจะคาแรคเตอร์สารพัดตัวละครที่แสนคุ้นเคยตอนเราเล่นเกม แล้วยังแถมดองกี้คองใส่ลงมาอีก คืออยากบอกขอบคุณทีมงานทุกคนที่ทำหนังเรื่องนี้จากใจครับ ท่านทำให้ผมมีความสุขมาก คือตัวหนังน่ะมันสนุกของมันอยู่แล้ว แต่ที่สุขซ้ำไปอีกชั้นคือการได้เห็นสารพัดของคุ้นเคยมาขึ้นจอในแบบที่มันควรจะเป็นนี่แหละ คือใจน่ะขอแค่นี้แหละครับ คือไม่ต้องตีความใหม่ ไม่ต้องพลิกเล่นท่าพิสดารอะไรหรอก แค่เอาของในเกมมาชงเป็นหนังแบบนี้แหละที่อยากได้

Untitled06058

สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับมาริโอ้ ก็อยากให้ลองดูครับ เพราะหนังมันสนุกในตัวของมันอยู่แล้ว พล็อตมันคือมาตรฐานสำหรับแนวแฟนตาซีผจญภัย มีตัวร้ายที่หมายจะยึดครองโลกให้อยู่ในกำมือของตน รวมถึงหมายจะจับตัวเจ้าหญิงมาเป็นคู่ ก็เลยต้องมีพระเอกอย่างมาริโอ้มาช่วยกอบกู้สถานการณ์ ซึ่งตัวมาริโอ้เองก็ไม่ได้วิเศษเก่งกาจอะไรมากมาย แต่พี่แกอาศัยความพยายามครับ มีท้อบ้างแต่ก็ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าสู้และร่วมมือกับผองเพื่อนจนพิชิตภัยได้ และความสนุกมันก็อยู่ระหว่างทางนี่แหละครับ ได้เจอตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากมาย ได้เจอมุกขำๆ ได้เจอการผจญภัย เรียกว่าตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งนี่ไม่มีอะไรให้เบื่อครับ – อาจมีอืดบ้างเล็กๆ แต่หนังไม่ปล่อยให้อืดนานครับ แป๊บๆ ก็เข้าเรื่องต่อ ยิ่งช่วงท้ายนี่เข้าเกียร์ห้าแล้วใส่กันแบบเต็มที่

แล้วความสุขก็ยาวไปจนถึงช่วง End Credits เลยครับ แต่ละซีนและแต่ละเพลงที่หนังใส่มามันทำให้นึกถึงเกมจริงๆ – ไม่รู้ใครเป็นไหมน่ะนะครับ แต่ผมเนี่ยเวลาเพลงไหนขึ้น มันจะมีภาพของด่านนั้นๆ ผุดขึ้นในหัวทันที แล้วไม่ใช่แค่ผุดภาพฉากนะ แต่มันผุดห้วงเวลานั้นๆ เหมือนย้อนภาพไปในอดีตว่าตอนนั้นเรากำลังทำอะไร อยู่ ป.ไหน โรงเรียนเป็นยังไง เพื่อนเป็นยังไง บ้านเก่าเราเป็นยังไง ความรู้สึกตอนได้จับจอย ความรู้สึกตอนได้จับตลับใส่ลงในเครื่อง (ซึ่งบางทีใส่รอบแรกแล้วไม่ติด ต้องใส่ซ้ำ ต้องกะน้ำหนักในการเสียบ บางทีต้องเป่า บางทีต้องเอายางลบมาถู บางทีนี่แทบจะบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะมันติดยากเหลือเกิน) – ถือเป็นความสุขที่แถมมากับความแก่ครับ 555

สรุปว่าหนังเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับผมครับ สุขในแบบที่ถ้าว่างก็ต้องเอามาดูซ้ำ และชวนให้อยากกลับไปเอามาริโอ้มาเล่นอีกสักที – พอลองนึกไปที่เล่นบ่อยในอดีตก็คงหนีไม่พ้นภาค 3 บนเครื่องแฟมิคอมครับ แล้วก็มาภาค Super Mario World บนเครื่องซูเปอร์ แล้วที่เล่นบ่อยสุดน่าจะเป็นภาค RPG ซึ่งผมชอบเนื้อเรื่องมากๆ และแต่ละด่านยังออกแบบได้น่าจดจำอีกด้วย – ยังมี Mario Kart อีกครับ เล่นกับเพื่อนโคตรสนุก ยิงกระดองแกล้งกันอุตลุดไปเลย 555

ดีใจที่หนังประสบความสำเร็จอย่างสวยงามครับ ลงทุน $100 ล้าน กระหน่ำโกยไป $1,300 กว่าล้าน – ใจนี่คิดไปแล้วครับ ถ้ามีภาคหน้านี่ขอฉากปราสาทผีสิงแบบเน้นๆ หน่อยนะ ชอบจริงๆ เจ้าผีขี้อายเนี่ย

สองดาวครึ่ง บวกกระบุงแห่งความทรงจำอันแสนสุขครับ

Star22

(7.5/10)