เรื่องนี้คงไม่ต้องบรรยายให้มากครับกับเรื่องราวการสืบสวนสุดตื่นเต้นและเร้าใจของ CSI ที่ประกอบไปด้วยหัวหน้าทีมระดับพระกาฬอย่างพี่กิล กริสซั่ม (William Petersen) ที่ยังคงนำลูกน้องทั้งกรมกองออกสืบคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นแถบลาสเวกัสตามเคย
ลูกทีมก็ยังชุดเดิมครับ ไม่ว่าจะแคเธอรีน วิลโลว์ (Marg Helgenberger) อดีตนักเต้นเปลื้องผ้าที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวน, วอร์ริค บราวน์ (Gary Dourdan) CSI ผิวดำผู้มุทะลุ, นิค สโตคส์ (George Eads) ที่มาพร้อมมาดนิ่มๆ และ ซาร่า ไซเดิล (Jorja Fox) CSI สาวที่ห้าวไม่แพ้ชาย
ในปีนี้ความสนุกยังคงมีอยู่ครับ แต่จุดที่เปลี่ยนคือจะเริ่มมีการสอดแทรกประเด็นดราม่าบอกเล่าชีวิตของตัวละครลงมามากขึ้น ซึ่งจะว่าดีก็ดีครับที่เราได้เห็นมิติความลึกของพวกเขา แต่ถ้าให้ว่าตามจริงแล้วมุมของดราม่าในปีนี้บางช่วงก็ทำให้หนังอืดลงไปเล็กๆ
แต่ไม่ได้แปลว่าไม่สนุกนะครับ มันยังคงเป็น CSI ที่น่าติดตามอยู่ เพียงแต่ความกลมกล่อมอาจไม่เต็มที่เท่าปีแรก แต่ยังไงก็ต้องถือว่านี่เป็นซีรี่ส์สืบสวนที่ไม่เป็นรองใคร พี่ William Petersen ก็ถือว่าเกิดมาเพื่อเป็นกิล กริสซั่ม เก่งโคตรๆ ตามเคย แต่สงสัยปีนี้เหล่าลูกทีมคงเรียนรู้จากพี่กริสซั่มมาเยอะล่ะครับ ก็ปีที่แล้วพี่กริสซั่มสอนๆๆ แหลกเลยนี่หน่า ทำให้ลูกทีมเริ่มเก่งมากขึ้น ความเด่นพี่กริสซั่มก็เลยอาจโดนทอนไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ดีเหมือนกันที่ลูกทีมได้มีโอกาสแสดงความเด่นออกมาบ้าง
แม้เรื่องเชิงดราม่าอาจยังไม่ลงล็อคเต็ที่ แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องปูมหลังของตัวละครมาเปิดเผยให้เราทราบ อย่างตัวเจ๊แคเธอรีน ที่เคยเป็นนักเต้นเปลื้องผ้านั่นเราก็จะได้ทราบครับว่าเธอเข้าวงการสืบสวนมาได้ไง หรือเจ๊ซาร่าก็จะเริ่มมีเรื่องหัวใจเข้ามาเกี่ยว มีอยู่ตอนนึงถ้าจำไม่ผิดครับ ประมาณว่ามีคดีที่ผู้หญิงตายเนื่องมาจากชอบอยู่คนเดียว จนเหงามากๆ เลยต้องหาคนรู้จักทางเน็ต ซึ่งพฤติกรรมของเหยื่อคนนี้เหมือนกับเจ๊ซาร่าทุกอย่างเลยครับ จนพอตอนจบเธอเลยกลับมาที่ห้องแล้วก็เริ่มต้นเปลี่ยนชีวิตตัวเอง เลิกปิดกั้นแล้วหันไปโทรหาหนุ่มๆ บ้าง ก็นับว่าไม่เลวเลยล่ะครับในเรื่องดราม่าน่ะ
นอกจากนี้บทสมบทอย่าง ผู้กอง จิม แบรส์ (Paul Guilfoyle), ดร.อัล ร็อบบินส์ (Robert David Hall) เจ้าหน้าที่ชันสูตร กับ เกร็ก แซนเดอร์ส (Eric Szmanda) เจ้าหน้าที่ CSI ระดับ 1 ก็ยังคงเป็นสีสันชั้นดีให้ซีรี่ส์ครับ ทุกคนล้วนโดดเด่นและขโมยซีนได้ดี โดยเฉพาะไอ้คุณพี่เกร็กนี่แหละ ที่ยิ่งมากตอนก็ยิ่งบ้า วันดีคืนดีก็แต่งชุดแปลกๆโผล่มาทำงาน เรียกว่าฮามากครับ และอีกคนที่ยังโผล่น้อยอยู่ แต่เริ่มมีบทบาทก็คือ อาร์ชี่ จอห์นสัน (Archie Kao) เจ้าหน้าที่นิติเวชที่ทำงานในแลปแล้วก็คอยสืบสวนโดยการแยกแยะเสียง ในปีนี้พี่แกจะแค่เริ่มๆ ครับ ต้องมาปีหลังๆ นี่แหละที่พี่แกจะเริ่มเซียนตามพี่กริสซั่มไปติดๆ
ยังมีตัวละครอีกรายที่แม้โผล่แค่ตอนเดียว แต่ก็อยากให้จดจำนั่นก็คือ เลดี้ เฮเธอร์ (Melinda Clarke) เจ้าแม่บริการงานด้านเพศของเวกัสที่แม้จะโผล่ตอนเดียวในปีนี้ แต่ก็เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์มากครับ
แต่ตอนที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของปีนี้ก็คือตอนที่ 22 ครับ ตอนก่อนตอนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นตอนที่เหล่า CSI ทีม Miami จะมาโผล่เป็นดารารับเชิญให้ กับคดีลักพาตัวที่เจ้าผู้ร้ายได้ก่อคดีแบบข้ามรัฐ คือทำที่เวกัสครับแต่ไปโผล่ที่ไมอามี่ ทำให้แคเธอรีนถูกส่งไปเจอกับพี่โฮราชิโอ้ เคน (David Caruso) หัวหน้างานที่ไมอามี่ แล้วเหล่าลูกทีมของไมอามี่ก็มากันครบเลยครับ เป็นอีกตอนที่ออกมามันส์ ที่ว่ามันส์ก็เพราะพี่โฮราชิโอ้นี่แหละ เพราะบุคลิกของเขาดูเจ๋งอ้ะครับ เป็นพระเอก อารมณ์ดี ท่าทางเข้าเก็บเด็กได้ง่าย แล้วยังมีพี่ทิม สปีดเดิล (Rory Cochrane) อีกราย ขานี้ก็ดูฮาใช้ได้ครั … แต่ก็แอบแปลกใจนิดๆ ที่พอไปดูในชุด Miami จริงๆ โทนซีรี่ส์ดันออกแนวจริงจังแทนที่จะเบาๆ พอเหมาะๆ แบบที่เราเห็นในตอนนี้
เอาเป็นว่าปี 2 ของ CSI ยังคงยอดเยี่ยมและดีอยู่ ถือว่าเป็นซีรี่ส์สืบสวนแบบที่หาไม่ได้ง่ายๆ เลยล่ะครับ
สามดาวกว่าครับ
(8/10)