Action (Series)

Buffy the Vampire Slayer Season 4 (1999 – 2000) บั๊ฟฟี่ สาวน้อยมือปราบแวมไพร์ ปี 4

293134_247867515244057_2199939_n

บั๊ฟฟี่ ซอมเมอร์ส (Sarah Michelle Gellar) และผองเพื่อนอย่าง วิลโลว์ (Alyson Hannigan), แซนเดอร์ (Nicholas Brendon) และอ๊อซ (Seth Green) ก็จบการศึกษาจากไฮสคูลที่ซันนี่เดลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปีสี่นี้พวกเขาทั้งหมดก็ได้เวลาเข้ามหาลัยครับ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ พวกเขาก็ยังต้องพบเจอกับแวมไพร์และปีศาจสารพัดชนิดอีกตามเคย ก็เข้าข่ายเรียนไปสู้ไปล่ะครับ

ในตอนที่ 1 ของปีนี้ บอกตามตรง ผมรู้สึกว่ามันน่าเบื่อยังไงพิกลครับ อะไรๆ ดูเนือยๆ อย่างมาก ไม่มีอะไรใหม่ ธรรมดาจนออกจะรู้สึกว่าผิดสังเกตเหมือนกัน และผิดสังเกตยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่า Joss Whedon แกเขียนบทและกำกับตอนแรกนี้เอง (ประมาณว่ามันไม่สมควรจะน่าเบื่อได้ขนาดนี้อ้ะครับ) แต่พอดูจบตอนปุ๊บก็เข้าใจ I see ในบัดดลว่าการที่มันน่าเบื่อนั้นก็เป็นไปตามที่พี่ Joss แกต้องการนั่นเอง

คือหนังตอนแรกนี้ต้องการสื่อถึงอารมณ์ของบั๊ฟฟี่ครับ ประมาณว่าเธอต้องมาเรียนที่ใหม่ ต้องปรับตัว แต่เธอก็ยังยึดติดกับที่เดิมๆ อย่างซันนี่เดลไฮสคูล อย่างห้องสมุดที่ต้องมีไจลส์ (Anthony Stewart Head) คอยดูแล ซึ่งผมก็เข้าใจครับและเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเป็นน่ะแหละ ตอนเข้าไปเรียนที่ใหม่มันก็แปลกที่ และพออะไรๆ มันไม่เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ มันก็จะเกิดความรู้สึกน่าเบื่อขึ้นมา ซึ่งพี่ Joss แกทำสำเร็จครับ มันน่าเบื่อจริงๆ อ้ะ รู้สึกได้เลยว่าบั๊ฟฟี่ต้องเบื่อจัดๆ

แต่พอผ่านตอนแรกไปเท่านั้นแหละครับความสนุกสไตล์เดิมกลับมาทันที เรื่องราวเต็มไปด้วยสีสัน และออกจะมากกว่าเก่าด้วย เพราะปีศาจดูจะหลากหลายชนิดขึ้น และเรื่องลึกลับในมหาลัยก็เพียบ อย่างหอพักแต่ละหลังอย่างเนี้ยครับมีอาถรรพ์ทั้งนั้น แล้วในมหาลัยยังมีองค์กรทหารลึกลับอีก ดังนั้นผมอยากจะบอกว่าคงต้องทนนิดนึงครับ สำหรับคนที่รู้สึกว่าช่วงแรกๆ น่าเบื่อ เพราะถ้าผ่านมาได้นี่ เรื่องสนุกๆ รออีกเพียบ

อย่างตอนหนึ่งที่ผมชอบคือตอนที่ 10 ของปีนี้ครับ เป็นตอนที่จู่ๆ คนทั้งเมืองเกิดเสียงหายพูดไม่ได้ ไม่มีเสียงเลย เป็นอีกตอนที่มันส์และสยองสุดๆ ครับ และช่วงที่คนไม่มีเสียงก็ทำได้ดีมากๆ ด้วย และปีศาจตัวร้ายของตอนก็ยังน่ากลัวมากๆ รวมไปถึงการฆ่าของมันก็โหดอยู่นะครับ (ควักหัวใจครับ)

ส่วนตัวละครใหม่ในปีนี้ก็มี ไรลี่ย์ ฟินน์ (Marc Blucas) รุ่นพี่มหาลัยสนใจบั๊ฟฟี่ และตัวเขาเองก็มีความลับบางประการอยู่ด้วยครับ ก็เกี่ยวกับองค์กรลึกลับนั่นแหละ แต่จะเป็นอะไรยังไงต้องดูเอาเองครับผม

แล้วยังมี อันย่า (Emma Caulfield) อดีตแม่มดอมตะที่ต้องมาหมดฤทธิ์ลงไปเพราะพวกบั๊ฟฟี่ ซึ่งเธอก็เริ่มโผล่ตั้งแต่ปีที่แล้วน่ะฮะ มาปีนี้ไปๆ มาๆ เธอจะเริ่มมาเข้าคู่กับแซนเดอร์ส ซึ่งพฤติกรรมเปิ่นๆ ของเธอก็ช่วยเพิ่มความฮาได้มากครับ

ส่วนวิลโลว์ก็ได้เพื่อนซี้คนใหม่อย่างทาร่า (Amber Benson) แม่มดสาวอีกรายที่มีพลังมากพอดูครับ

เรื่องราวในปี้นี้ก็เป็นการปรับตัวของบั๊ฟฟี่ในมหาลัย การต่อกรกับปีศาจสารพัดชนิด และต้องรับมือกับอาถรรพ์ของสิ่งต่างๆ ในมหาลัยด้วย ออ ใช่ เกือบลืม ตัวละครอีกตัวที่จะมาเข้าร่วมแจมกับทีมของบั๊ฟฟี่ก็คือ … คุณอาจไม่เชื่อนะครับ แต่เขาคือสไปค์ (James Marsters) ใช่ครับ ไอ้แวมไพร์วายร้ายที่คิดฆ่าบั๊ฟฟี่ในปีก่อนๆ นั่นแหละ มาปีนี้พี่แกกลายเป็นพวกด้วย แต่ก็มีเหตุมีผลนะครับ (เหตุผลเป็นไงไปดูต่อกันเองดีกว่าครับ) แต่เอาเป็นว่าพี่แกเพิ่มดีกรีความฮาได้อย่างดี

และตัวร้ายรายบิ๊กของปีนี้ก็คืออดัม หุ่นสังเคราะห์อันเป็นผลผลิตจากองค์กรลับที่หันมาทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า และพลังของมันก็มหาศาลด้วยครับ พวกบั๊ฟฟี่จะเล่นงานมันได้อย่างไรต้องลองติดตาม แต่บอกได้ว่ามีการรวมพลังกันอย่างเจ๋งครับ คือจริงๆ แล้วบั๊ฟฟี่เดินเข้าไปลุยคนเดียวน่ะฮะ แต่ก็เหมือนกับทุกคนเข้าไปร่วมลุยกับเธอด้วย งงมั้ยล่ะครับ ต้องดูครับ ต้องดู

แต่ที่เด็ดของปีนี้ไม่ใช่ตอนสู้กับอดัมครับ แต่เป็นตอนหลังจากสู้กับอดัมเสร็จแล้ว … คืออย่างนี้นะครับ ตามปกติซีรี่ส์พวกนี้มักจะจบด้วยตอนที่มีการประจัญบานกับหัวหน้าใหญ่ แล้วก็หมดปี แต่กับปีนี้มีความพิเศษคือตอนสู้กับอดัมน่ะคือตอนที่ 21 ครับ ทีนี้พอดูๆ ไปก็สงสัย เพราะปีหนึ่งของ Buffy มันมี 22 ตอน แล้วมันเสร็จศึกกับอดัมไปแล้วนี่หว่า แล้วตอนที่ 22 มันจะเอาไว้ทำอะไรล่ะ

ปรากฏว่าตอนที่ 22 นี่เป็นอีกรสชาติหนึ่งของซีรี่ส์บั๊ฟฟี่ครับ ไม่มีการต่อสู้กับปีศาจ ไม่มีผีร้ายให้สู้ทั้งนั้น แต่เป็นตอนประมาณว่าจู่ๆ บั๊ฟฟี่, วิลโลว์, แซนเดอร์ส และไจลส์ หลงเข้าไปอยู่ในมิติแห่งความฝันน่ะครับ ซึ่งสไตล์แบบนี้ผมจะชอบมาก เพราะมิติแห่งความฝันที่ว่านี่มันจะเหมือนเป็นมิติหลอนอยู่กลายๆ ประมาณว่าเหมือนคุณฝันว่าคุณเดินอยู่กลางทะเลทราย แล้วจู่ๆ ก็มีประตูโผล่มาตรงหน้าผาตรงหน้าคุณ แล้วพอคุณเปิดเข้าไปมันก็กลายเป็นบ้านคุณ แล้วซักพักก็มีตัวอะไรโผล่มาในบ้านจนคุณต้องวิ่งหนีไปซ่อนใต้เตียง แต่พอคุณสอดตัวเข้าไปใต้เตียงปุ๊บ คุณดันหล่นตุ๊บลงไปสู่ทุ่งหญ้ากลางป่าลึกอย่างเงี้ย ซึ่งเป็นแบบที่ผมชอบอ้ะครับ มันวัดจินตนาการผู้สร้างได้เลยว่าเขาแน่แค่ไหน และแต่ละฉากมันก็มีความนัยซ่อนอยู่ด้วย

โทนสีก็มีความสำคัญน่ะครับ อย่างความฝันของวิลโลว์ก็จะมีโทนสีส้มๆ ของบั๊ฟฟี่มันจะมีสีส้มปนด้วยฟ้าแบบมืดๆ ของแซนเดอร์สนี่เป็นโทนเขียวๆ มืดๆ ถือเป็นการสรุปท้ายปีของบั๊ฟฟี่ที่แปลกดีครับ เป็นรสชาติที่ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ไอ้พวกมิติหลอนๆ แบบเนี้ย

ซึ่งไอ้ตอนมิติหลอนที่ว่านี่เป็นความชอบส่วนตัวครับ เลยใส่ซะเยอะเชียว แต่มันชอบจริงๆ อ้ะครับ เอาเป็นว่าคนที่อาจจะไม่ได้ชอบบั๊ฟฟี่นะครับ แต่ชอบหนังที่มีเรื่องราวสไตล์มิติหลอนนี่แนะนำให้ลองหามาดูครับ ดูเฉพาะตอนสุดท้ายนี่แหละ ผมว่าน่าจะพึงพอใจอยู่นะครับ

เอาล่ะกลับมาที่ Buffy ปีนี้ ความสนุกโดยรวมๆ ถือว่าดีครับ ตอนที่มันสยองๆ ก็น่ากลัวขึ้นนะครับ น่ากลัวกว่าปีที่แล้วๆ เยอะ และจินตนาการถึงปีศาจก็ออกรสดีมาก เอาเป็นว่าไม่ผิดหวังสำหรับซีรี่ส์นักล่าผีคนนี้ครับ

สองดาวครึ่งกว่าๆ ครับ

Star22

(7.5/10)