American Sniper อาจเป็นหนังโปรอเมริกาสำหรับใครหลายๆ คน ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอกครับหากคนอเมริกันอย่างปู่ Clint Eastwood เขาจะทำหนังออกในเชิงนั้น

แต่โดยส่วนตัวผมมองว่าปู่ Clint ก็พยายามถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้หลากมุมในระดับหนึ่ง

คริส ไคลน์ (Bradley Cooper) อาจเป็นฮีโร่ของชาวอเมริกัน แต่สิ่งที่หนังนำเสนอออกมานั้นก็ทำให้เราเห็นว่า ฮีโร่ก็คือคนครับ เขาไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ไม่ได้ทำอะไรถูกไปหมด และไม่ใช่ฮีโร่ที่ไร้ความผิดพลาด แต่เขาก็คือปุถุชนที่พยายามทำอะไรสักอย่างบนเส้นทางที่ตัวเขาหรือที่สังคมแวดล้อมบอกว่ามันถูก

เขาโตมาในอเมริกา อยู่แบบอเมริกัน (เกือบจะได้เป็นคาวบอยอยู่รอมร่อ) และเกิดมาทันในเห็นเหตุการณ์ 11 กันยา มันจึงไม่แปลกหากเขาจะมองว่าการปกป้องอเมริกาทั้งจากภัยภายในและภายนอกประเทศ คือภารกิจที่สำคัญยิ่งชีพ และจะมองอะไรในมุมที่รักชาติเป็นหลักจนบางครั้งก็เหมือนกลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้หัวใจ (อย่างตอนภรรยาคุยกับคริสหลังไปร่วมงานศพเพื่อนทหารของเขา เมื่อภรรยาถามไถ่ความรู้สึกต่อเรื่องนี้ คริสกลับตอบในเชิงตำหนิเพื่อน แต่ไม่ตำหนิในสงครามหรือสิ่งที่พวกเขากระทำ)

ถูก-ไม่ถูก อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน ซึ่งปู่ Clint ก็พยายามจับมุมต่างๆ มาเล่าให้เราเห็นภาพคร่าวๆ ให้เห็นว่าคริสก็ไม่ได้อยากฆ่าคนอื่น แต่เพราะคนอื่นกำลังจะทำอันตราย เขาเลยต้องลั่นกระสุน ซึ่งในทางกลับกัน เราก็จะได้คนชาติอื่นหมายปลิดชีพคนอเมริกันเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด เพราะเขามองว่าชาติของตนก็ถูกรุกรานถึงหน้าบ้านเหมือนกัน

ภาพสงครามที่เราเห็น คือผลพวงจากความคับแค้นที่ต่างฝ่ายต่างสั่งสมกันมา คนอเมริกันก็มองว่าเพราะชาตินั้นๆ มีท่าทีไม่น่าไว้ใจเลยต้องปราบปรามควบคุม ส่วนชาติอื่นๆ (ที่โดนอเมริกาบุกหรือควบคุม) ก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติเขานั้น มันคือเรื่องของพวกเขา มันคือการสร้างชาติในแบบของเขา มันคือการควบคุมคนในชาติตามแบบของพวกเขา แล้วพวกอเมริกันมีสิทธิ์มายุ่งอะไรด้วย

นำไปสู่พื้นที่สนามรบ ที่หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา…

หากจะมองย้อนอดีตไปมันก็แล้วแต่เราจะมองครับ เราจะมองว่าอเมริกาคือตัวเริ่มต้น ทำตัวเป็นตำรวจโลกหมายควบคุมโลก (ไม่ว่าจะด้วยเจตนาที่ดีจริงๆ หรือเจตนาแอบแฝงก็ตาม) เลยก่อให้เกิดผู้ก่อการร้ายหลากสัญชาติขึ้นมา

หรืออีกกลุ่มก็มองว่า ถ้าอเมริกาไม่บุกไปปรามตั้งแต่ต้น เหล่าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้อาจเหิมเกริมและก่อความเสียหายหนักหนากว่าที่เป็นก็ได้ (เพราะผู้ก่อการร้ายหลายกลุ่ม สามารถถือกำเนิดได้อยู่แล้วจากความขัดแย้งของคนในชาติ ดังนั้นไม่ว่าอเมริกาจะตีกับพวกนี้ไหม พวกนี้ก็ก่อการใช้อำนาจ กำลัง และกระสุนอยู่ดี)

เรื่องแบบนี้คุยกันได้เป็นวันๆ และยากจะหาข้อสรุป เพราะการคุยย้อนอดีตแบบ “What If” มันก็คือการคาดคะเนที่เราไม่มีวันรู้เลยว่า สิ่งที่เราคิดมันจะเป็นตามนั้นๆ จริงๆ ไหม (ถ้าอเมริกันไม่อย่างนั้น เรื่องคงเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าอเมริกันอย่างนี้ เรื่องก็คงอย่างนั้น…)

เอาเป็นว่าดูแล้วก็มีหลายมุมให้มอง แม้มุมหลายๆ อันจะชวนให้มองไปในทางโปรอเมริกันก็ตาม… แต่ถ้าเรารู้จักพิจารณาแยกแยะ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรครับ ^_^

Cooper แสดงได้ดีกับบทนี้ครับ เช่นเดียวกับ Sienna Miller ในบทภรรยาของคริส ดาราส่วนใหญ่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ปู่ Clint ก็คุมหนังได้ดีตามมาตรฐาน ฉากไหนชวนบีบเค้นจิตใจก็เค้นได้อย่างน่าจดจำ เรื่องราวก็ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

สรุปคร่าวๆ ว่าเป็นหนังทหารที่น่าติดตามครับ มันอาจไม่ได้มันส์สุดๆ เร้าสุดๆ แบบ Fury หรือลงตัวครบเครื่องแบบ Saving Private Ryan แต่ก็ถือว่าน่าจดจำและถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่ต้องผ่านสงครามได้ดี คุ้มค่าแก่การรับชมครับ

สองดาวครึ่งกว่าๆ ครับ

(7.5/10)