ผมเชื่อว่าหลายคนจำหนังเรื่องนี้ได้ครับ… แหม คิดดู สามพระเอกในวงการ แต่ละคนก็ผ่านงานหนังบู๊กันมาแล้วทั้งนั้น พากันมาแสดงเป็นสาวประเภทสอง… และแสดงได้เพริดพริ้งไม่ใช่เล่นซะด้วย
หลังจากน็อกซีม่า แจ็คสัน (Wesley Snipes) และ วีด้า โบเฮมเม่ (Patrick Swayze) ชนะเลิศการประกวด “Drag Queen of the Year” พวกเธอก็เตรียมบ่ายหน้าเดินทางไปเพื่อคว้าโอกาสอันเฉิดฉายที่ฮอลลีวู้ดเป็นจุดหมายต่อไป
ระหว่างนั้นพวกเธอก็ได้พบกับ จีจี้ รอดิเกซ (John Leguizamo) สาวประเภทสองที่ยังใสและอ่อนต่อโลก ทั้งสองก็เลยชวนจีจี้ให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งตลอดการเดินทางพวกเธอทั้งสามก็เจอทั้งคนดีและคนเหยียดเพศคละเคล้ากันไปล่ะครับ
แล้วการเดินทางก็ต้องมาหยุดชะงักลงที่เมืองเล็กๆ ในสไนเดอร์วิลล์ เนื่องจากรถพวกเธอเสียพอดี ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการซ่อมนานพอสมควร ทั้งสามเลยถือโอกาสนี้ แวะพักผ่อนหย่อนใจซะเลย แล้วพอพักไปพักมา สามสามแต๋วของเราก็พบว่าเมืองเล็กๆ นี้ช่างไร้สีสัน เต็มไปด้วยพวกผู้ชายที่กดขี่ผู้หญิง และผู้หญิงที่แห้งเหี่ยว ไร้ความฝันใดๆ ไม่มีความหวังชีวิตอีกต่อไป…
แบบนี้สามสาวของเราย่อมยอมไม่ได้ เลยจัดแจงเนรมิตเอาสีสัน ความสนุก และความเท่าเทียมของเพศหญิงกลับมา คืนชีวิตชีวาให้เมืองนี้อีกครั้ง
หนังก็ออกแนว Road Movie สนุกๆ ล่ะครับ ตัวเอกก็เดินทางไปยังที่ๆ และระหว่างทางก็ได้เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ชีวิต แล้วก็ช่วยคนดีๆ ให้ได้ดี ทำให้คนไม่ดีต้องรับกรรม สูตรสำเร็จแบบนี้แม้จะเดาทางได้ แต่ผมก็ชอบนะครับ เพราะมันให้อะไรเสมอ และถ้าคนทำมีฝีมือล่ะก็ สนุกอย่าบอกใครเลยล่ะ
แล้วเรื่องนี้ล่ะเป็นยังไง… ก็ไม่เลวครับ สนุกดี ส่วนหนึ่งก็เพราะสามหนุ่มที่แสดงเป็นสาวนี่แหละ Swayze ดูเฉิดฉายครับ แม้จะบึ้กมากๆ ก็เถอะ แต่ก็ดูเป็นสาวประเภทสองที่เปี่ยมความมั่นใจ แววตาแฝงความหวังดีไว้เสมอ ความเด่นของเขาก็พอๆ กับ Leguizamo ที่รายหลังนี่แปลงเป็นหญิงได้เนียนมากๆ ดูเผินๆ ผมว่าก็เหมือนผู้หญิงจริงๆ นะครับ ลีลาท่าทาง จริตจะก้านเฉียบจริงๆ ไม่น่าแปลกใจครับที่สองคนนี้จะได้เข้าชิงลูกโลกทองคำไปคนละตัว ก็เล่นได้น่ารักพลิกคาแรคเตอร์ซะขนาดนั้น
ส่วน Snipes… ก็โอเคครับ แม้จะแฝงความน่ากลัวไว้เยอะหน่อยก็ตาม ฮ่าๆๆๆ
ในขณะที่ดาราสมทบอย่าง Stockard Channing และ Blythe Danner ก็ทำได้ดีตามปกติของพวกเธอแหละครับ และที่เด่นอีกคนก็คือ Chris Penn ผู้ล่วงลับ กับบทนายอำเภอดอลลาร์ดที่จองล้างจองผลาญพวกสาวๆ ไม่เลิกรา นายคนนี้ก็เสริมความฮาให้หนังได้ไม่เลว
รู้ไหมครับว่าผมชอบอะไรให้หนังอีก… ความน่ารักของสาวๆ ในเรื่องไง อ้า อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าผมเปลี่ยนรสนิยมครับ ผมหมายถึงในแง่ของการกระทำ การแสดงออกของพวกเธอ แม้จะแต่งหญิงเต็มร้อย แต่งหน้าเต็มที่ ประกาศตัวเองขนาดไหนก็ตาม แต่กิริยามารยาทของพวกเธอนั้น ดูดีอ้ะครับ ดูเหมาะสม มีวุฒิภาวะ ไม่ได้แจ๋นแตก แว้ดแหลกแต่อย่างใด พวกเธอทำตัวแบบปกติเหมือนผู้หญิงทั่วไป ไม่ต้องวี้ดว้ายอะไรจนเกินเหตุ แค่นี้ก็ดูน่ารักน่าคบหาแล้วล่ะครับ ไหนจะยังทำประโยชน์ เข้าใจคน ช่วยเหลือคนอีกต่างหาก แบบนี้ผมว่าเจ๋งอ้ะ
ถ้าเพศที่สามอยากเอาใครเป็นต้นแบบในเรื่องการแสดงออก ผมว่าพวกเธอสามคนนี้เหมาะมากล่ะครับ แสดงออกแต่พอดี มีความคิด มีความ Sensitive และมีรอยยิ้มที่จริงใจ ได้โปรดอย่าเอาเจ๊ๆ ป้าๆ บางท่านที่ขยันออกทีวีตอนนี้เป็นต้นแบบเลยครับ คุณไม่จำเป็นต้องแว้ดว้ายใดๆ แค่เป็นอย่างที่คุณเป็น และแสดงออกอย่างเหมาะสมตามความเป็นหญิง แค่นี้ก็เกินพอแล้วครับ
อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าเราจะเพศไหน เราก็ควรทำตัวดีๆ ตามต้นแบบดีๆ ของเพศเรา ให้คนทั่วไปเกิดความรู้สึกดีต่อตัวเรา อย่างผู้ชายก็เดินตามรอยไปเลยครับ มาดมีเสน่ห์แบบ George Clooney มีความบึกบึนสมชายอย่างอาสมบัติ มีความเป็นแมน ดู Nice แบบพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์
ส่วนคุณผู้หญิงก็สวยครบมุม มีมารยาทอย่างไทยได้ แบบคุณแอฟ ทักษอร ไงล่ะครับ หรือวางตัวให้สวยอย่างมีสมองแบบดาราหลายคนที่เรียนจบสูงๆ ก็ยังได้
เช่นเดียวกันครับ เพศที่สามก็มีต้นแบบดีๆ เหมือนกัน อย่างสามคนในเรื่องนี้เป็นต้น ผมอยากให้สังเกตนะครับว่าหนังมะกันส่วนมาก เวลามีบทเพศที่สามทีไร ส่วนมากก็จะนำเสนอให้เราเห็นด้านดี เห็นเพศที่สามที่มีวุฒิภาวะหรือความรู้สึกอ่อนโยน ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เกียรติเพศที่สามน่ะครับ เป็นมุมมองที่นักสร้างหนังบ้านเขามีต่อเพศที่สามว่า เขาก็คือคนธรรมดาที่เลือกจะเป็นแบบที่ต้องการ เขาไม่ใช่ตัวตลก ไม่ใช่คนผิดปกติแต่อย่างใด
จำไว้นะครับสาวๆ คุณไม่ใช่ตัวตลกครับ ไม่จำเป็นต้องทำตนเป็นตัวตลกแบบที่จอทีวีบ้านเราชอบนำเสนอหรอกนะครับ คุณมีเกียรติ มีความน่ารัก มีมุมมองชีวิตอีกมุมหนึ่งที่เป็นสีสันให้โลกได้ อย่าให้ใครมาพรากความน่ารักของคุณไปเลยครับ
มันทำให้ผมนึกถึงกรณี “รักแห่งสยาม” น่ะครับ… หลายคนแอนตี้รุมด่าหนัง มองข้ามประเด็นดีๆ ของหนังไปเพียงเพราะ มันเป็นหนังที่มีเรื่องของเพศที่สามเท่านั้น… หนังเกย์ มันจูบกัน… ใช่ เขาว่าอย่างนั้นกัน
กรณีดังกล่าวน่าคิดนะครับ ว่าทัศนคติ มุมมองที่คนไทยส่วนใหญ่มีต่อเพศที่สามนั้น มันเป็นมุมบวกหรือมุมลบ… แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบก็เพราะเขาเห็นว่ามันเป็นมุมลบ… และอะไรล่ะ ทำให้คนมองเพศที่สามเป็นเรื่องลบ
ทำไมเขามองว่าเป็นเพศที่ผิดปกติ มองว่าเป็นตัวตลก มองว่าเป็นพวกที่ชอบทำตัวเว่อร์… มุมมองเหล่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งก็เพราะ หนัง ภาพยนตร์ ละคร สื่อเป็นคนหล่อหลอมแกมยัดใส่สมองของเราๆ
หนังชอบนำเสนอเพศที่สามเป็นตัวตลก… ชอบเขมือบผู้ชาย… ไม่บ่อยนักที่พวกเขาหรือเธอจะได้ปรากฏตัวบนจอในฐานะคนปกติที่อยากทำความดี คนปกติที่ไม่ได้ติงต๊อง หรือคนที่เป็นฮีโร่ แบบ Iron Pussy เนี่ย ไม่ค่อยได้เจอเท่าไรครับ…
วิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะล้างแนวคิดลบๆ คือการทำสิ่งบวกๆ ครับ ไม่ต้องไปมัวนั่งเถียงหรือด่าทอพวกที่มองเพศที่สามในเชิงลบ แต่จงชนะใจทุกคนด้วยการกระทำที่ดี การเป็นคนมีคุณค่าในสังคม และการแสดงออกที่เหมาะสม
จงน่ารักให้สมกับที่ชาตินี้มีโอกาสได้เป็นตัวเราแบบที่เราอยากเป็นครับ
เอาล่ะ กลับมาเรื่องหนังดีกว่า… ครับ หนังฮาดี น่ารัก และมีสาระดี เพลงก็ไพเราะมากทีเดียว แม้จะมีช่วงอืดนิดๆ แต่ก็พอจะผ่านไปได้ ดูแบบเพลินๆ น่ะครับ
ผมล่ะชอบบทสรุปของหนังครับ เพราะในที่สุด สามสาวก็ชนะใจคนทั้งเมืองได้ ทำให้ทุกคนยินดีปกป้องคนแปลกหน้าจากแปลกถิ่นอย่างพวกเธอได้ ก็เพราะพวกเธอทำความดีนั่นเอง… และก่อนที่วีด้าจะขึ้นรถขับออกจากเมือง แครอล (Channing) สาวชาวบ้านที่กล้ายืนหยัดได้เพราะการให้กำลังใจจากวีด้าก็ได้พูดกับเธอว่า “วีด้า ฉันไม่ได้มองว่าเธอเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง… แต่ฉันมองว่าเธอ คือนางฟ้าจ้ะ”
เป็นอีกหนึ่งหนังที่ดูจบแล้ว ยิ้มออก!
สองดาวเฉียดครึ่ง พร้อมแนวคิดเชิงบวกครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Drama