
เชื่อว่าคอหนังอายุ 40 อัพน่าจะคุ้นชื่อ “เฮอร์บี้” กันไม่มากก็น้อยนะครับ เรียกว่าเป็นหนังเบาสมองระดับตำนานอีกเรื่องเลยล่ะครับ
แล้วนี่ก็คือภาคแรกของหนังชุดนี้ เรื่องเริ่มเมื่อนักแข่งรถนามว่าจิม ดักลาส (Dean Jones) กำลังฟอร์มตกและชักจะหมดไฟลงทุกวันๆ อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ไปเดินเล่นในเมืองเพื่อดูรถรุ่นใหม่ๆ โดยหวังว่าจะได้รถดีในราคาไม่แพงมาใช้ในการขับแข่งขันเพื่อสร้างชื่อให้ตนเองอีกสักครั้ง
ทีนี้ระหว่างที่เขากำลังดูรถอยู่นั่นเอง เขาก็ไปเจอรถเต่าคันหนึ่งครับ จริงๆ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจมันหรอก ทว่าพอเจ้าของร้านขายรถกล่าววาจาดูถูกรถคันนี้จิมก็ของขึ้นครับ เพราะเขาน่ะเป็นคนรักรถคนหนึ่ง ไม่ว่ารถจะเก่าจะใหม่แต่อย่างน้อยรถก็มีหน้าที่รับใช้มนุษย์ ยังไงเราก็ไม่ควรจะไปว่ามัน
เท่านั้นล่ะครับพอตกกลางคืน เจ้ารถเต่าหมายเลข 53 คันนี้ก็ไปโผล่ที่หน้าบ้านของจิม ทำเอาทุกคนงงว่ารถมันแล่นมาเองได้ยังไง แต่ในที่สุดจิมก็ตัดสินใจซื้อรถคันนี้เอาไว้ครับ และพอลองขับไปสักพักก็พบว่ารถมันแรงฤทธิ์มากๆ แล่นได้เร็วโคตรจนจิมนำรถเต่าคันนี้ไปแข่ง ปรากฏว่าชนะแล้วชนะเล่าจนจิมมีความมั่นใจ แต่ขณะเดียวกันเจ้าของร้านขายรถจอมเจ้าเล่ห์นั่นก็เกิดอยากได้รถเต่ากลับมาครับ เพราะเห็นมันแข่งชนะและทำเงิน แต่มีหรือที่จิมจะยอมง่ายๆ
หนังถือว่าดูเพลิน สนุก เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ก็แหม หนังของ Walt Disney นี่ครับ การันตีอยู่แล้วว่าคุณจะสามารถขำได้โดยไม่มีพิษภัย ซึ่งจุดเด่นของหนังนอกจากจะมีเจ้ารถเต่าชื่อเฮอร์บี้ที่สร้างสีสันให้กับหนังได้เป็นพักๆ แล้ว ก็ต้องยกให้เหล่าดาราที่แสดงได้เหมาะกับบทอย่างสุดๆ เริ่มจาก Dean Jones ที่เล่นเป็นพระเอก Disney บ่อยมากๆ กับบทจิม นักแข่งรถนิสัยดี ที่อาจมีบางวาระที่หลงตัวเองไปบ้าง ซึ่งบทของจิมนั้นมอบสาระดีๆ ได้ไม่น้อยเลยครับ
เพราะตอนแรกที่เขาแข่งชนะนั้น เขาไม่รู้หรอกครับว่าเป็นเพราะเฮอร์บี้ แต่คิดว่าเป็นเพราะฝีมือตัวเอง เขาก็เลยหลงระเริงอยู่พักหนึ่ง จนต้องให้เพื่อนรักร่างอ้วนอย่างเทนเนสซี่ (Buddy Hackett) มาเตือนสติ ก็เป็นการสอนคนดูในทางหนึ่งครับ ว่าความสำเร็จของคนหนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นเพราะตัวเราเพียงอย่างเดียวเสมอไปหรอก มันสำเร็จได้เพราะมีคนช่วย หรืออย่างน้อยก็เพราะวัสดุอุปกรณ์และวัตถุดิบที่เราใช้ในการสร้างสรรค์งานนั้นๆ หากไม่มีของเหล่านั้นแล้ว เราจะได้รับความสำเร็จได้อย่างไร
นี่ก็เป็นแง่คิดง่ายๆ อีกประการหนึ่งว่าเราไม่ควรผยองเกินไป แต่เราควรตระหนักว่าทุกย่างก้าวของเรานั้น ล้วนต้องพึ่งพาสิ่งรอบตัวไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราจึงควรเตือนตัวเองให้เคารพต่อสรรพสิ่งทั้งที่มีและไม่มีชีวิต เพราะสรรพสิ่งเหล่านั้นทำให้เราเป็นเราหรือทำให้งานเรายังเป็นงานเราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ส่วนนักแสดงอื่นๆ อย่าง Hackett นี่ก็เก่งเสมอครับกับบททำนองนี้ ดูฮา น่ารัก และเป็นเพื่อนที่ดีของจิมจริงๆ, Michele Lee รับบทนางเอกของเรื่อง แครอล เบนเนตต์ ที่ถือว่าเป็นนางเอกตามมาตรฐานของ Disney นั่นคือตอนแรกต้องมีเรื่องทำให้ไม่ชอบพระเอกก่อน แล้วในที่สุดเธอก็จะหนีไม่พ้นครับ ต้องมารักกับจิม (โดยมีเฮอร์บี้ช่วยอีกแรง) และ David Tomlinson ในบทปีเตอร์ ธอร์นไดค์ เจ้าของร้ายขายรถจอมเจ้าเล่ห์ ขานี้ก็เล่นได้สบายบรื๋อครับ เป็นตัวโกงแบบขำๆ ที่สร้างความเพลินให้กับหนังได้ไม่น้อยทีเดียว

เป็นงานกำกับของ Robert Stevenson ที่สร้างผลงานระดับอมตะของ Disney เอาไว้มากมายครับ ไม่ว่าจะ Old Yeller, The Absent-Minded Professor, Mary Poppins และ Darby O’Gill and the Little People (เรื่องหลังนี่ Sean Connery นำแสดงครับ และบทจากเรื่องนี้เองที่ทำให้ Albert R. Broccoli ทาบทามเขาไปรับบทเจมส์ บอนด์ 007) ซึ่งสำหรับหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าสนุกครับ อาจไม่ใช่สนุกที่สุด แต่ก็ถือว่าดูได้แบบไม่ผิดหวัง ซึ่งตัวหนังเองก็ประสบความสำเร็จอย่างมากตอนออกฉายครับ ทำเงินไป $51.2 ล้าน ซึ่งถ้าตีเป็นค่าตั๋วปัจจุบันล่ะก็ จะไม่ต่ำกว่า $300 ล้านเลยทีเดียวนะครับ
จุดอ่อนของหนังอาจมีบ้างครับ เป็นจุดอ่อนตามสไตล์หนังเก่าที่บางครั้งเนื้อเรื่องมันจะยืดไปบ้างในบางส่วน และหนังจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งไปกับการแข่งรถดังนั้นถ้าคุณไม่ใช่คนชอบหนังแข่งรถก็อาจรู้สึกเบื่อๆ กับหนังได้เหมือนกันครับ เพราะหนังแข่งรถสมัยเก่ามันจะไม่ได้หวือหวาหรือเล่นมุมกล้องเท่าหนังสมัยนี้ มันจะถ่ายภาพรถแล่นไปๆๆๆๆ แต่อย่างน้อยการแข่งรถก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อนะครับ มันมีมุขฮาแทรกเป็นพักๆ พอช่วยให้ความน่าเบื่อลดลงไปได้บ้าง
เป็นหนังเบาสมองดูสนุกในความทรงจำอีกเรื่องครับ ล่าสุดหามาดูอีกก็ยังสนุกอยู่ แต่อาจสนุกน้อยลงไปบ้าง เพราะเราโตขึ้น สายตาและความรู้สึกที่เราใช้ดูหนังสักเรื่องย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอายุ แต่อย่างน้อยความรู้สึกที่เราชอบหนังเรื่องนี้เมื่อตอนเด็กนั่นล่ะครับ ที่ทำให้ยังไงเราก็ยังรู้สึกดีๆ กับหนัง ยังรู้สึกสนุกที่ได้เห็นเฮอร์บี้โลดแล่นบนถนน
ถือเป็นหนังตลกสมัยเก่าที่เหมาะให้เรารำลึกความหลังครับ สำหรับคอหนังรุ่นใหม่ก็สามารถลองลิ้มได้ครับ แต่ต้องอย่าเอาบรรทัดฐานหนังตลกสมัยนี้ไปวัดนะครับ มุกมันเบากว่าเยอะ แต่ก็ยังพอเรียกรอยยิ้มได้ครับ
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Comedy, Family, Movie Reviews, Sport










