เรื่องราวเกี่ยวกับทนายหนุ่มที่เป็นเกย์นามว่า แอนดรูว์ แบร็กเกตต์ (Tom Hanks) ซึ่งเขาเกิดไปติดโรคเอดส์เข้า และเมื่อเจ้านายของเขาทราบเรื่องจึงโดนไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม เขาเลยจ้างทนายผิวดำนาม โจ มิลเลอร์ (Denzel Washington) เพื่อมาสู้คดี ซึ่งตอนแรก โจก็ไม่ค่อยอยากจะรับคดีหรอกครับ เพราะเขามีอคติต่อคนที่เป็นเกย์และลูกความรายนี้ยังเป็นเอดส์อีกด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ก็เริ่มนับถือกันในตัวกันและกันมากขึ้น แล้วก็นั่นแหละครับ การขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเลยดำเนินไป

หนังเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กน้อยที่อยากจะเล่าอยู่อันนึง เรื่องมันเป็นยังงี้ครับ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ Jonathan Demme ซึ่งก่อนที่เขาจะมาทำหนังเรื่องนี้นั้น เขาได้ทำ The Silence Of the Lambs (อำมหิตไม่เงียบ) ออกมาก่อน และเรื่องที่ว่านี่ก็เป็นหนังที่โดนชาวเกย์และคนรักร่วมเพศทั้งหลายด่ากันระยับ หาว่าทำให้เกิดภาพลักษณ์ในแง่ลบต่อพวกเขา

ทีนี้ Demme เขาเลยกะจะชดเชยให้ โดยการทำหนังที่แสดงให้เห็นถึงพวกเกย์ในแง่ดีบ้าง ซึ่งก็คือเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่ากลุ่มคนเจ้าเก่าก็ยังอุตส่าห์มาสับหนังเรื่องนี้อีกตามเคย โดยหาว่าผู้กำกับ Demme ทำหนังเรื่องนี้ออกมาแบบคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวเกย์… ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Demme แกจะทำหน้ายังไงตอนเจอด่ารอบสองน่ะนะครับ

ส่วนตัวหนังนั้น ผมว่าทำออกมาได้ดีครับ แม้จะเนิ่บๆ แต่การแสดงของ 2 ดารานำทำให้หนังมีพลัง พี่ Tom แกก็เล่นจนได้ออสการ์ไปครอบครองเรียบร้อย ส่วนเฮีย Denzel ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรล่ะครับ ฝีมือเข้มอยู่แล้ว เห็นตอนแรกทีมงานกะจะให้คนที่มารับบทนี้เป็นดาราตลกครับ เพื่อถ่วงดุลไม่ให้หนังเครียดจนเกินไป ตัวเลือกก็มี Bill Murray และ Robin Williams แต่แล้วพอเฮีย Denzel แกสนใจ ผู้กำกับ Demme ก็เลยจัดการปรับบทให้มันเข้มขึ้น ผลที่ได้ก็น่าพอใจนะครับ เพราะแม้บทของเฮีย Denzel แกจะเครียดอยู่บ้าง แต่เฮียแกมีความสามารถพอที่จะไม่ทำให้มันเครียดจนเกินไปครับ แน่มากจริงๆ เลย

รวมไปถึงบทของ Antonio Banderas ที่เล่นเป็นคนรักของแอนดรูว์ พี่แกเล่นได้อบอุ่นมากซะจนผมนึกว่าแกเป็นเกย์จริงๆ ด้วยซ้ำไปครับ น่ารักมากๆ และอบอุ่นมากๆ เลยล่ะ

เรื่องคนเป็นโรคเอดส์นี่ ก็พูดยากครับ ผมก็เข้าใจน่ะว่าแม้ในโลกปัจจุบันก็ยังมีคนที่กระอักกระอ่วนใจจะยอมรับน่ะนะครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ผมไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย แต่ยังไงก็เถอะ เราก็อยู่ของเราดีๆ อย่าไปเบียดเบียดรังเกียจเขาเลยครับ เพราะสิ่งที่เขาเจอหรือเป็นเนี่ย มันก็หนักหนาพอประมาณแล้ว และถ้าการพยายามทำความเข้าใจพวกเขามันยากเกินไปสำหรับท่านแล้วล่ะก็ – ก็ไม่ต้องเข้าใจพวกเขาก็ได้ครับ – ขอเพียงแค่ว่าอย่าไร้จิตใจกับพวกเขาก็พอน่ะ

ส่วนเรื่องเกย์และเพศทางเลือกนั้น แม้หนังเรื่องนี้จะสร้างมา 30 ปีแล้ว แต่ประเด็นเหล่านี้ก็ยังมีการถกเถียงและมีความละเอียดอ่อนมาจนถึงปัจจุบันครับ คนที่ยอมรับก็มี แต่คนที่ยังตั้งป้อมก็ถือว่าไม่น้อย ซึ่งความคิดมุมมองก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอีกเช่นกัน แต่สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่ามิติต่างๆ ของพวกเขาถือว่าควรค่าแก่การทำความเข้าใจ เพราะเขาก็คือคนครับ คือมนุษย์เหมือนเรา และพวกเขาคือเพื่อนร่วมสังคมกับเราครับ – ไม่แน่นะครับ เราอาจรู้จักตนเองมากขึ้นผ่านการทำความเข้าใจพวกเขาก็ได้

ก็อีกแล้วครับ หนังคุณภาพอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามดาวอีกแล้วครับท่าน

(8/10)