Anthology Movies/Series

เรื่องเล่าจากความมืด (2013) Tales from the Dark

Untitled07670

พบกับ 3 ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญที่ดัดแปลงจากเรื่องในหนังสือของ Lilian Lee นักเขึยนมีชื่ออีกคนของฮ่องกงที่ผลงานของเธอหลายเรื่องเคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว อาทิเช่น Farewell My Concubine (หลายแผ่นดิน แม้สิ้นใจ ก็ไม่ลืม) และ Green Snake (นางพญางูขาว)

ตอนที่ 1 ของที่ขโมยมา (Stolen Goods)
อากวาน (เยิ่นต๊ะหัว) โดนไล่ออกจากงานครับ พอจนตรอกมากเข้าเขาเลยตัดสินใจขโมยอัฐิตามสุสานมาเรียกค่าไถ่จากญาติของผู้ตาย แล้วเขาก็ได้เงินค่าไถ่มาจริงๆ ซะด้วย… แต่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะได้ใช้เงินนั้นโดยไร้ผลที่ตามมา?

ตอนที่ 2 ปล่อยมือ (A Word in the Palm)
อาจารย์เหอ (เหลียงเจียฮุย) ประกอบอาชีพดูดวงมานาน และเขากำลังจะวางมือเพื่อจะได้ไปใช้เวลากับภรรยาและลูกชายให้มากขึ้น แต่ลูกค้าคนสุดท้ายของเขาคือคุณจางและภรรยาที่รู้สึกเหมือนโดนผีตามหลอก อาจารย์เหอเลยต้องร่วมมือกับเจ๊หลัน (เฉินฮุ่ยหลิน) แม่ค้าขายคริสตัลร้านใกล้ๆ ในการตามสืบว่าอะไรกันแน่ที่ตามติดครอบครัวคุณจาง

ตอนที่ 3 สัตว์ตื่นหลังจำศีล (Jing Zhe)
หญิงชราคนหนึ่ง (Susan Yam-Yam Shaw) รับทำพิธีสาปแช่งให้กับคนที่มาว่าจ้างในช่วงฤดูจิงเจ๋อ – ที่เรามักจะเห็นในหนังจีนบ่อยๆ ว่าเวลาที่คนเฒ่าคนแก่เกลียดใครมากๆ ก็จะเอารูปคนผู้นั้นมา แล้วใช้รองเท้าตีไปแช่งไปน่ะครับ คือมีคนรับทำเป็นพิธีแช่งแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย – แล้วในขณะที่เธอกำลังจะปิดแผง ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง (เฉินจิ้ง, Dada Chan) เดินมาขอให้เธอทำพิธีให้… หญิงสาวคนนี้… อาจไม่ใช่คน

ถ้าถามว่าสยองไหม? โดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกว่ามันสยองอะไรนักครับ ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าเพราะดูหนังแนวนี้มาเยอะ หลายอย่างเลยเดาทางได้ เดาจังหวะจะโคนให้การตุ้งแช่่ได้ จนเริ่มไม่สะทกสะท้านอะไรกับหนังพวกนี้ง่ายๆ ดังนั้นจะเอาผมเป็นมาตรฐานก็อาจไม่ถูกนักน่ะนะครับ เอาเป็นว่าหนังก็มีบรรยากาศน่ากลัวๆ – ไม่ถึงขั้นหลอนแบบหนังญี่ปุ่น – แล้วก็มีตุ้งแช่บ้าง แต่ไม่ถึงกับสยองแหวะโหดอะไรครับ ไม่ถึงขนาดนั้น

อีกอย่างที่ผมรู้สึกไม่กลัวนักก็คงเพราะหลายๆ การหลอกหลอนของผีมันเน้น CG มากไปนิดน่ะครับ อย่างฉากผีตาโบ๋ก็ดูซีจี๊ซีจี หรือฉากที่ผีเลือดไหลออกจากตา มันก็ดูเป็น CG สุดๆ อีกอย่างคือสีเพี้ยนด้วยครับ คือแทนที่จะเป็นสีแดงแต่ดันเป็นสีชมพูแทน ดูไปก็สับสน เอ่อ ผมจะกลัวดีไหมเนี่ยกับน้ำตาผีสวีทตี้พิ้งค์แบบนี้

Untitled07671

แต่กลายเป็นว่าจุดที่ผมโอเคกับหนังคือเนื้อหาครับ แต่ละตอนมันมีเรื่องราวของมัน ตัวละครแต่ละคนก็มีเรื่องราวของตน เมื่อมาบวกกับการแสดงของดาราระดับมืออาชีพแล้ว หนังเลยดูได้เรื่อยๆ อย่างตอนแรกนี่ที่หนังรอดได้ก็เพราะการแสดงของพี่เยิ่นต๊ะหัว และเขาก็กำกับเองด้วยนะครับ ตัวเนื้อเรื่องน่ะพอจะเดาทางได้ ความน่ากลัวก็ไม่มาก แต่มันดูได้เรื่อยๆ ก็เพราะการแสดงของพี่เยิ่นนี่แหละ (และตอนที่ว่านี้พี่เยิ่นกำกับเองด้วยครับ)

ส่วนตอนทึ่ 2 ก็เหมือนกัน หนังดูเพลินได้เพราะการแสดงเวิร์กๆ ของเหลียงเจียฮุยและเฉินฮุ่ยหลิน โทนของตอนนี้ออกแนวน่ากลัว แต่ไม่ถึงขั้นสยองครับ แล้วก็สลับด้วยอารมณ์ขันเพราะท่าทางของทั้งเฮียเหลียงและเจ๊เฉินนี่ก็ออกแนวน่ารักๆ ซึ่งกลายเป็นว่าไอ้ความน่ารักนี่แหละครับที่ทำให้หนังตอนนี้ดูได้เพลินๆ และบทสรุปของตอนนี้ก็ถือว่าสอนใจโดยเฉพาะกับคนที่เคยผิดหวังในความรัก – หนังสอนให้รักตัวเองน่ะครับ สอนให้อย่าเสียใจจนถึงขั้นทำลายชีวิตตนเพราะรักที่ล่มสลาย

สำหรับตอนที่ 3 ตอนนี้ถือว่าเข้าท่าไม่น้อยเหมือนกัน ในแง่ความน่ากลัวผมว่าไม่เยอะนะ แมันออกแนวผสมๆ กับอารมณ์ดราม่าแบบเหนือธรรมชาติ จุดเด่นของตอนนี้ผมก็ยกให้ดาราเหมือนกัน Susan Yam-Yam Shaw แสดงได้ดีมาก ตอนที่เธอทำพิธีสาปแช่งชาวบ้านนี่ก็ลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ ครั้นพอตอนที่ต้องเจอกับลูกค้าสาวปริศนานั่น สีหน้าท่าทางของเธอก็สื่ออารมณ์ได้ชัด และอีกคนที่เด่นก็คือเฉินจิ้งที่เล่นเป็นสาวปริศนาคนนั้น แววตาท่าทางดูน่ากลัวผสมน่าสงสาร รายนี้ก็สื่อได้ดีอีกเช่นกัน

ผมว่าผมโอเคกับหนังครับ คือไม่ถึงกับชอบมาก แต่ก็ดูได้เรื่อยๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นเพราะพลังดารานี่แหละครับ เชื่อว่าถ้าเปลี่ยนไปเอาดาราหน้าไม่คุ้นหรือแสดงไม่เก่งมาใส่แทนล่ะก็ หนังคงน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน ดังนั้นความดีของหนังเรื่องนี้ผมยกให้ดารากับโครงเรื่องของแต่ละตอนที่ถือว่ามีโครงสร้างที่แน่นในระดับหนึ่ง มันอาจไม่แปลกใหม่นะครับ – มันอาจจะเดิมๆ และเดาได้ – แต่ผมว่าโครงเรื่องมันดีครับ เพียงแต่ผู้กำกับอาจยังเรื่องไม่คมแบบเต็มๆ อีกทั้งลูกเล่นก็ยังไม่เยอะ ผลที่ได้เลยค่อนไปทางธรรมดา

สรุปว่าใครชอบหนังสยองรวมเรื่องสั้นก็ลองชิมดูได้ครับ ขอเพียงอย่าคาดหวังเยอะ หรือถ้าชอบดาราที่ผมเอ่ยชื่อไปแล้วจะตามมาดูก็ได้เหมือนกัน เพราะพวกเขานี่แหละครับที่ช่วยหนังเอาไว้ได้เยอะเลย

สองดาวครับ

Star21

(6/10)