Action (Series)

ภูตพิทักษ์ดูดวิญญาณ 2 (2000) My Date with a Vampire 2

Untitled06822

ในที่สุดครับท่านทั้งหลาย ในที่สุด หลังจากรอคอยมาเป็นปีๆ ในที่สุดผมก็ได้ครอบครองหนังจีนชุดเรื่องนี้ซะที และอยากจะบอกว่านี่เป็นหนังจีนชุดที่ผมชอบสุดๆ รอเก็บสุดๆ ตอนแรกพอ Movie Home เขาทำภาคแรกออกมาผมก็ดีใจเลยครับ เตรียมรอซื้อภาคสองเต็มที่ เพราะคิดว่ามันน่าจะออกใกล้ๆ กัน แต่ปรากฎว่ารอราวๆ ปีกว่าเลยครับ รอจนเหงือกแห้ง จนได้ข่าวลือว่าเขาจะไม่ผลิตภาคสองออกมา เนื่องจากภาคแรกยอดขายไม่สวยงามเท่าไหร่ ผมก็นั่งเซ็งเลยครับ อะไรฟะ ทั้งๆ ที่ภาคสองนี่จัดได้ว่าอภิมหามันส์ยิ่งกว่าตอนแรกด้วยซ้ำ

ถ้าถามว่าแล้วผมรู้ได้ไงว่ามันสนุก ก็เนื่องมาจากมันเคยฉายทางช่อง 3 มาแล้วน่ะสิครับ ตอนเก้าโมงเช้า ผมก็ไม่ค่อยได้ดูหรอก เพราะต้องไปเรียนอยู่ในตอนนั้น ได้ดูแบบขาดๆ เกินๆ จบตอนนี้วันต่อมาก็ไม่ว่างดู แต่ก็ได้ดูบ้าง และทุกตอนที่ดูบอกได้เลยว่าติดครับ มันส์มากๆ เนื้อเรื่องดีน่าติดตาม Effect อาจจะเห่ยไปหน่อย แต่ลีลาการเล่าเรื่องต้องบอกว่าเร้าใจยิ่งกว่าภาคแรกอย่างมาก แต่ก็ยอมรับว่าตามเรื่องไม่ค่อยทันหรอกครับ ก็มันได้ดูไม่ต่อนี่หน่า เลยภาวนาขอร้องให้มันออกแผ่นมาซะที จะได้ซื้อหาจับจองเป็นของส่วนตัวเอามาดูยาวๆ

แต่ก็อย่างที่บอกครับ ภาคแรกออกมาแล้วทุกอย่างก็เงียบหาย จนผมตัดใจไปเรียบร้อย แต่เมื่อไม่นานนี้ผมได้เจอสัญลักษณ์ภาพนี้เข้าในเว็บของ Movie Home

เจอแบบนี้เข้าดีใจแทบช็อคแน่ะท่านเอ้ย ใครจะไปนึกว่าเขายังจะทำออกมาดี นี่หมดหวังไปแล้วนะ ผมนี่ระริกระรี้ไปเลย 555555 ผมก็เลยรอเวลาที่มันจะออก แล้วก็จับจองมานั่งตะบันดูครับ ดูให้หายอยาก

และผลที่ได้ก็อย่างที่คาด โคตรมันส์โดนใจแบบสุดๆ ไปเลย

เฮ่อ ดูถึงตรงนี้คงคาดเดาได้นะครับว่าผมโคตรจะชอบหนังชุดนี้มาก เลยบอกไว้ก่อนครับหากจะมีการลำเอียงอะไรออกนอกหน้าไปบ้างก็ต้องขออภัย เอาเป็นว่าฟังผมแบบฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ ลองหยั่งชั่งน้ำหนักกันอีกที

ซึ่งจุดกำเนิดของหนังชุดนี้ก็เริ่มมาจากหนังจีนชุดเรื่อง ท้าผีกัด ข้ามศตวรรษ (Vampire Expert) หนังจีนแนวผีกัดที่ได้ หลินเจิ้นอิง ปรมาจารย์ผีกัดของแท้มารับบทเหมาเสี่ยวฟาง แล้วก็ต้องมารบกับกองทัพผีดิบในภาคแรก ซึ่งหนังชุดนี้ฮิตจัดจน ATV ตัดสินใจเข็นภาค 2 ออกมาอีกชุดหนึ่ง และความฮิตก็ยังคงมีอยู่ครับ แต่หลินเจิ้นอิงมาจากโลกนี้ไปเสียก่อน ในที่สุดทีมงานตัดสินใจจะทำต่ออีก แต่แปลงเรื่องมาเป็นนักแสดงทีมใหม่และทำให้เนื้อเรื่องมาในแนวทางปัจจุบันมากขึ้น และผลที่ได้ก็คือภาคแรกของภูตพิทักษ์ดูดวิญญาณ

หลังจากภาคแรกได้ดีและฮิตกันไปพอสมควร ทาง ATV เลยเห็นควรที่จะสร้างตอนต่อครับ เพราะจะว่าไปหนังของ ATV ก็ไม่ได้มีฮิตเด็ดๆ แบบนี้มานานแล้ว นอกจากหนังชุดแนวแอ๊คชั่น แฟนตาซีผีกัดนี่แหละที่ฮิตตลอดทุกเรื่อง ทำให้ภาค 2 ถูกสร้างตามออกมา

เนื้อหาของภาค 2 ก็ต่อเนื่องจากภาคแรกครับ บางคนที่ดูภาคแรกมาคงงงล่ะครับ เพราะภาคแรกมันจบแบบเรียบร้อยไปแล้วนี่หน่า แต่ไม่ต้องห่วงครับ ภาคสองที่ทำออกมานี่เนียนครับ เนียนมาก เป็นการสานปมต่อเรื่องที่ฉลาดมากๆ ด้วยซ้ำ ผูกเรื่องดีน่ะครับ

หนังเปิดเรื่องมาก็แนะนำให้เราได้รู้จักกับ ขว้างเทียนโย่ว (หยินเทียนจ้าว) นายตำรวจฮ่องกงที่อาศัยอยู่ในคอนโดเจียเจีย ซึ่งที่นั่นเขาก็ได้พบรักกับหวังเจินเจิน (หยางกงหยู) ลูกสาวเจ้าของคอนโด เธอเป็นครูอนุบาลผู้เรียบร้อยน่ารัก อ่อนโยนสุดๆ และเพื่อนสนิทของเธอก็คือ หม่าเสี่ยวหลิง (ว่านฉีเหวิน) มือปราบผีรุ่นที่ 41 ของตระกูลหม่า รายนี้ห้าว เปรี้ยว เฉี่ยวสุดๆ นอกจากนี้ยังมีจินเจิ้นจง ลูกศิษย์จอมกวนของเสี่ยวหลิงคอยเป็นลูกมือในการปราบผีด้วย

แล้วหม่าเสี่ยวหลิงก็รับงานชิ้นล่าสุด นั่นคือการตามหาอัญมณีล้ำค่ำที่โดนผีดิบสาวตนหนึ่งขโมยไปยังอังกฤษ เธอเลยต้องยกทีมไปตามหา อันนำเธอไปพบกับคงเจี๊ยะไต้ซือ นักบวชจากญี่ปุ่นที่ไปปรากฎตัวที่นั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วยังพบกับ ไรลี่ย์ ชายปริศนาเจ้าของปราสาทขนาดใหญ่ในกลางเมือง … เขาไม่ใช่คนธรรมดา

และนั่นคือ จุดเริ่มของการผจญภัยในภาคนี้ครับ

Untitled06823

ผมเล่าได้คร่าวๆ แค่นี้นะครับ เนื้อเรื่องนอกจากนี้ผมอยากให้ท่านลองไปตามกันเอาเอง เพราะรู้เองแล้วมันจะมันส์กว่ากันมากครับ และพล็อตภาคนี้ต้องเรียกว่าซับซ้อนและสนุกสนานมากๆ อ้ะ บอกคร่าวๆ ก็ได้ว่าเอาแค่เนื้อเรื่องของไรลี่ย์ เจ้าของปราสาทลึกลับนั่นก็น่าติดตามแล้วครับ ฉากในปราสาทก็น่ากลัวใช้ได้ เนื้อเรื่องก็ดี เพราะมันเกี่ยวข้องกับความรัก และยังนำเสนอได้กินใจด้วย

และบางท่านอาจหงุดหงิด เพราะนายไรลี่ย์นี่ชื่อฝรั่งและเหตุการณ์ก็เป็นที่อังกฤษ แต่พี่แกดันเป็นคนจีน จนทำให้ท่านอาจเห็นว่ามันดูไม่น่าเชื่อถือ จุดนี้ผมอยากให้ท่านเก็บเป็นรายละเอียดไว้ครับ เพราะในหนังจะมีคำอธิบายต่อไป ตอนแรกผมก็ตะหงิดๆ นะ ไรลี่ย์มันทำไมให้คนจีนมาเล่นฟะ แต่ที่ไหนได้พอดูไปแล้วเจอคำตอบนี่ถึงบางอ้อเลยครับ (และนั่นก็ทำให้ผมปลื้มหนังหนักกว่าเก่าครับ แมร่งรายละเอียดเก็บทุกเม็ดจริงๆ อ้ะ)

และพอจบเรื่องที่อังกฤษ เหตุการณ์ก็จะเกิดต่อเนื่องกันไป หนังจะค่อยๆ ทะยอยแนะนำตัวละครสำคัญ ไม่ว่าจะถังเปื่นจิ้ง (อู๋ถิงหัว) มหาเศรษฐีที่จ้างหม่าเสี่ยวหลิงไปตามหาอัญมณีที่ว่า และพี่ท่านยังมีความลับอีกตามเคย, จินเว่ยไหล (Pinky Cheung) สาวสวยนางแบบผู้มั่นใจกับทุกการกระทำของตนเอง ซึ่งสองรายนี้ใครดูภาคแรกมาก่อนคงจะจำได้ครับ พวกเขาเคยปรากฎตัวในภาคแรกมาแล้ว และเป็นคู่รักกันด้วย เอ้ะ และพวกเขาจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เกี่ยวกันอย่างไร จุดนี้ต้องไปดูเองครับ เอาเป็นว่าเรื่องของสองคนนี้ก็ก่อจนเกิดศึกโคตรมันส์ในช่วงกลางเรื่องที่ถล่มเมืองกันอุตลุดเลยล่ะ และยังเชื่อมกับเรื่องราวในภาคแรกได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย

ตัวละครต่อมาก็คือ ซือถูฟั่นเหยิน (Kenneth Chan) นักจัดรายการทีวีจอมเห็นแก่ตัว ซึ่งหน้าตาเขาเหมือนกับเรียวอิจิ หรือ ซันเปิ่นอี้ฟู่ จากภาคแรก … ทำไม เพราะอะไร … นี่ก็เป็นอีกจุดที่หนังเชื่อมครับ เชื่อมได้อย่างมันส์เลยล่ะ และปมของพี่แกเรื่องพลังปริศนานั่นก็ยังสร้างเรื่องราวให้เราได้ติดตามกันอีกตั้งพักหนึ่งแน่ะ

ยังครับยังไม่หมด ช่วงกลางเรื่องท่านจะได้เจอกับตัวละครที่ได้รับการกล่าวขวัญในภาคแรก แต่ไม่ได้บทเด่นเท่าไหร่ มาภาคนี้แกเด่นของแท้ซะที เขาคือ เจี้ยนเฉิง (เยิ่นต๊ะหัว) จอมผีดิบตัวแรกต้นตำนานที่ทำให้คนมากมายเป็นผีดิบ ภาคนี้เราจะได้รู้จุดกำเนิดว่าแกเป็นใครมาจากไหน และเราจะได้เห็นอิทธิฤทธิ์แบบเต็มขั้นของเขาล่ะครับ ตอนโผล่มาช่วงตอนกลางๆ (ประมาณแผ่น 13 – 14) เปิดตัวมาโคตรอลังการ ดนตรีประจำตัวนี่ให้อารมณ์ซาตานจุติบนโลกมากๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครอย่างเจ้าแม่หนี่วา ซึ่งคนที่ทราบตำนานจีนจะร้องอ๋อครับ เพราะเธอคือเจ้าแม่ผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลก และการมาของเธอครั้งนี้ก็ออกจะพลิกความคาดหมายเหมือนกัน เพราะเธอไม่ได้มาเพื่อสร้างโลกอีกต่อไป

และปิดท้ายด้วย หม่าติงตัง (Angie Cheung) อ้ะ แซ่หม่า เธอเป็นอะไรกับนักปราบผีตระกูลหม่าหรือเปล่า อันนี้เก็บไว้ไปดูต่อครับ บอกได้แค่ว่าเรื่องราวของเธอถือได้เป็นโรมิโอกับจูเลียตแห่งยุค 2000 อย่างแท้จริง

ต้องเข้าใจนะครับว่าผมเป็นบุคคลประเภทชอบมากหนังแนวปราบผีแบบเนี้ย และหนังแบบนี้ก็มีน้อยครับ ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ดังนั้นพอได้เจอหนังแนวที่ชอบแบบนานๆ ทีจะมา แล้วยังออกมาครบเครื่องขนาดนี้เลยโคตรจะชอบอย่างที่สุด

ความสนุกของภาคนี้จัดว่ามากมายครับ เริ่มจากความฉับไวของเรื่องราวที่ทำได้ดีฮะ เป็นการแก้จุดบกพร่องจากภาคก่อนได้ดีมาก ภาคก่อนนั้นจะมีจุดเสียสำคัญคือการเดินเรื่องที่อืดยืดเกินไป จนทำให้เราน่าเบื่อเอาได้ แต่คราวนี้ไม่มีครับ เรื่องเดินหน้าแบบไว เร่งเร้า แต่ไม่ได้ฉาบฉวยนะครับ ไวแบบพอดีๆ คือกำลังเร้าใจ ไม่เร็วเกินไป และไม่เยิ่นเย้อเกินเหตุ เลยทำให้ความมันส์เกิดได้อย่างต่อเนื่อง

Untitled06824

ในประเด็นของเนื้อเรื่องก็มันส์ ดียอดเยี่ยมในหลายประการด้วยกัน ตั้งแต่การสามารถผูกเรื่องเข้ากับภาคแรกได้อย่างพอดี (จริงๆ มันก็ไม่ได้ลงตัวทุกจุดนะครับ แต่ส่วนมากหนังมันผูกปมต่อจากภาคแรกได้ดี) ทำให้รู้สึกชัดว่ามันเป็นหนังภาคต่อ และยังเอาเนื้อเรื่องจากภาคแรกมาเป็นผลกันอีก เลยสร้างความหนักแน่นให้กับเนื้อเรื่องของมันเอง

และเรื่องราวยังเข้มข้นด้วยครับ เดินเรื่องมันส์ อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะครับ เพราะหลายๆ ส่วนก็เหมือนเป็นการยำเอาเรื่องราวจากหนังปราบผีมาผสมลงไป แต่โชคดีมากที่หนังเอาแต่จุดดีๆ มายำ เลยได้ความสนุกแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทีนี้พอเนื้อเรื่องมันส์ เดินเรื่องดี ฉับไว ดาราก็ดีหมดทุกทั่วตัวคน หนังจึงมีชียไปกว่าครึ่งครับ ดูเอาบันเทิงเอาเพลินล่ะสบายได้แบบเต็มๆ ฉากแอ๊คชั่นก็ทำออกมาดี แม้ Effect จะด้อยอยู่บ้าง แต่หนังก็พยายามเนรมิตฉากการต่อสู้ที่เหนือโลกได้สำเร็จครับ ออกมามันส์ถึงใจมากๆ

นอกจากนี้ดนตรี และเพลงนำของเรื่องยังสุดยอดแห่งความไพเราะครับ ได้อารมณ์หนังภาคนี้แบบเหนือคำบรรยาย ท่านสามารถลองพิสูจน์ได้โดยการลองไปฟังนะครับ

ทั้งหมดนั่นก็คือส่วนที่ผมประทับใจกับหนังชุดนี้มาตั้งแต่สมัยตอนดูช่อง 3 แล้วล่ะครับ แม้จะดูไม่ค่อยต่อแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเยี่ยมเหล่านั้น พอมาดูแบบเต็มๆ ก็พบว่าไม่ได้ฝันไปครับ ที่ได้สัมผัสทั้งหมดนั่นดีจริง ของจริง ไม่ได้ดีเป็นช่วงๆ

แต่ใครจะนึกครับ … ผมคนหนึ่งล่ะที่นึกไม่ถึง ว่าความเจ๋งของหนังจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้แค่พล็อตดี ดาราดี เพลงดี แอ๊คชันเดินเรื่องดี แต่สาระแมร่งยังเจือกดีด้วย!

จุดที่เกินความคาดหมายของผมคือสาระและอารมณ์ที่หนังสื่อออกมาครับ Main ของสาระในภูตพิทักษ์ภาคนี้ คือ “ความรัก”

และแน่นอนว่าหากผมจะพร่ำพรรณนาถึงความประทับใจมันก็ย่อมจะมีการเล่าถึงเนื้อเรื่องด้วยนะครับ ซึ่งผมจะพยายามสปอยล์ให้น้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ดีใครไม่อยากรู้เนื้อเรื่องเลยก็ข้ามไปอ่านล่างๆ เลยแล้วกันครับ

ความรัก ความรัก ความรัก แทบไม่น่าเชื่อเน้อะว่าหนังแนวผีดิบจะเอาธีมเรื่องความรักมาเล่นตลอดทั้งเรื่อง ต้องย้ำว่าทั้งเรื่องจริงๆ ครับ รักหลายแบบด้วย เริ่มจากตัวละครทั้งหลาย ตั้งแต่หม่าเสี่ยวหลิงนักปราบผีจอมงก ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนเธอจะเห็นแก่เงินล่ะครับ แต่แล้วพอดูๆ ไปแล้วท่านจะสงสารเธอเพราะในความจริงไอ้การงกของเธอนั้น เกิดเพื่อปกปิดความรู้สึกตนเอง เหมือนเกราะชนิดหนึ่ง เธอก็สนใจขว้างเทียนโย่วครับ แต่เธอกลับปฏิเสธ เพราะเจินเจิน เพื่อนซี้ของเธอก็รักเขาเหมือนกัน เธอจึงตัดใจเดินออกมาแทน แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน เพื่อให้ลืมๆ ซะ แต่ไม่ว่าจะยังไง ทุกครั้งที่เธอสบตาเขา มันก็บ่งบอกความหมายอะไรบางอย่างทุกที

ในขณะที่หวังเจินเจินเพื่อนผู้น่ารักและใสซื่อก็เป็นความรักแบบหวานน่ารักและจริงใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ เธอดูแลเทียนโย่วเพราะรักและห่วงใย จริงแท้จากใจของผู้หญิงหวานๆ คนนึง ทุกการกระทำ ทุกท่าทางเวลาเธออยู่กับเทียนโย่วมันเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวเธอแผ่รังสีออกมา และรังสีที่ว่านี่ดูเหมือนจะพุ่งตรงไปหาเทียวโย่วทุกทีไป

เจินเจิน —- รัก —> เทียนโย่ว ไงล่ะครับ

ผมเล่าดูเหมือนง่ายนะ แต่ลองไปดูสิครับ อารมณ์จังหวะการแสดงออกมามันใช่อ้ะ มันถึงอันนี้ดาราคงต้องปรบมือให้ยาวๆ ล่ะครับ คือไม่มีใครเล่นไม่ดีซักราย บอกได้แค่นี้นะครับ ทุกคนเข้าถึงบทมากๆ สาเหตุประการหนึ่งอาจเพราะภาคแรกก็เล่นบทนี้มาแล้ว แต่ในภาคแรกนั้นการสื่ออารมณ์มันยังไม่ชัดเจนนุ่มนวลเท่าภาคสอง

นี่คือเรื่องความรักของคู่หลักในเรื่อง ซึ่งบอกตรงๆ มันดี แต่ที่ผมประทับใจกลับเป็นความรักที่เกิดขึ้นเป็น Subplot ในเรื่องต่างหาก … ทีนี้จะสปอยล์เลยล่ะครับ ไม่อยากรู้บอกข้ามนะ

เริ่มจากเรื่องของไรลี่ย์ แวมไพร์ผู้เดียวดายที่อาศัยอยู่ในปราสาทมาครึ่งศตวรรษ เขาอยู่มานานกว่านั้นครับ นานจนเขาไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป การมีชีวิตอมตะเป็นเพียงเรื่องอันแสนชอกช้ำสำหรับเขา ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย แต่ทุกอย่างมาพลันเปลี่ยนไป เมื่อเธอพบกับสาวสวยที่สุดจะร่าเริง เธอชื่อ เซย่า สาวผมทองที่ทำให้ชีวิตของไรลี่ย์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

… อันนี้เป็นเหมือนสัจธรรมเลยนะ บางคนบอกเรื่องแบบนี้มันเป็นแค่บทหนังเป็นแค่เทพนิยาย แต่เชื่อผมเถอะ ไม่ใช่หรอก มันมีจริงครับ ใครบางคนที่อยู่ไปวันๆ อย่างที่ไม่อยากอยู่อีกต่อไป ไม่รู้จะเดินหรือหายใจต่อไปเพื่อใครอีก ไม่มีเป้าหมายใดๆ ในชีวิต คนที่ตกอยู่ในสภาพนี้หากได้พบใครซักคนที่ดีต่อเขา จริงใจและนำความสดใสมาให้เขา การจะบังเกิดความรักย่อมไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ในขณะที่อีกฝ่าย ฝ่ายที่นำความสดใสมาให้น่ะแหละ การที่เธอจะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อเขาก็ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อเช่นกันครับ เพราะแน่นอนว่าในครั้งแรกที่เธอพบเขา เขาย่อมจะเหมือนดอกไม้จะเฉามิแหล่ ไม่น่ามองเท่าไหร่ ซึ่งจะว่าไปมันก็แปลกนะ คนที่สดใสมีความสุขใจหากลองได้รู้จักกับคนที่มีความทุกข์ล่ะก็ คนที่มีความสุขมักจะไม่นิ่งดูดายครับ มันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้อีกคนมีความสุขไปด้วย

และเมื่อคนที่เศร้าค่อยๆ กลับคืนชีพ กลับมามองโลกด้วยสายตาอันรื่นเริงอีกครั้ง ใครที่อยู่ใกล้ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลง จากเดิมไม่ยิ้มเป็นยิ้ม จากเดิมไม่พูดเป็นพูด จากเดิมเห็นแก่ตัวกลายเป็นมีน้ำใจ … สิ่งเหล่านี้รังแต่จะสร้างคะแนนในแง่บวก หรืออีกนั้ยหนึ่งคือ มันสามารถทำให้คนที่มีความสุขคนนั้นรู้สึกดีและผูกพันกับอีกคน หรือลองเปรียบก็อาจจะเปรียบกับการปลูกต้นไม้น่ะแหละครับ หากเราทำให้ต้นไม้ที่ใกล้ตายสามารถฟื้นมาได้ ต้นไม้ก็ย่อมรู้สึกพิเศษต่อเรา และเราก็ย่อมรู้สึกพิเศษต่อต้นไม้

และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ไรลี่ย์ กับ เซย่าต่างก็รักกัน และตัดสินใจแต่งงาน แต่แล้ววันนั้นกลับเกิดโศกนาฏกรรม ทำให้เซย่าบาดเจ็บสาหัส และเธอต้องตายอย่างแน่นอน … วิธีเดียวที่จะทำได้ วิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่ตาย คือ ไรลี่ย์ต้องกัดเธอ ให้กลายเป็นผีดิบ … ใช่ครับ แม้เขาจะเกลียดการเป็นผีดิบ แต่ตอนนั้นเป็นคุณล่ะจะทำอย่างไร คนที่รักที่สุดกำลังจะตายอ้ะ คุณไม่อยากให้เธอสามารถลุกขึ้นมาเดินกุมมือกับคุณอีกเหรอ?

แต่ผลที่ได้ก็คือ แม้เซย่าจะฟื้น แต่เธอก็คลั่งกับสิ่งที่เกิด การที่เธอต้องเป็นผีดิบ และเธอตัดสินใจที่จะหนีจากไรลี่ย์ไป เพราะเธอคิดว่าการที่ไรลี่ย์กัดเธอ เป็นการทำร้ายเธอชัดๆ และยิ่งต้องมารู้ว่าคนที่รักเป็นผีดิบในวันแต่งงาน มันย่อมแรงในความรู้สึกเธอ

แค่นึกถึงตรงนี้ผมไม่แปลกใจเลยที่พี่ไรลี่ย์จะทำหน้าอมทุกข์แบบยิ่งกว่าแบกโลก เพราะถึงตรงนี้เขาไม่โทษตัวเองก็ไม่ได้ เพราะเรื่องทั้งหมด เกิดจากเขาจริงๆ แต่เขาหากจะเลือกย้อนเวลาไป เขาก็ต้องกัดเธออยู่ดี เพราะเขาทนเห็นเธอตายไม่ได้ … รักหนอรัก

นี่คือส่วนหนึ่งครับ เรื่องของไรลี่ย์ในตอนท้ายผมคงไม่พูดต่อ แต่บอกได้แค่ว่าเมื่อทั้งสองมาเจอกันอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่เต็มไปด้วยความเสียสละและความรัก พอทั้งสองเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างก็เลยยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตต่อไป … แม้ตายก็ยอม …

นี่แค่ตอนแรกๆ นะครับ คือมันเล่นธีมความรักเพียบจริงๆ อ้ะ และยังครับ ยังไม่หมด ยังมีอีก นั่นคือประเด็นที่ทำให้ผมอึ้งสุดๆ กับเรื่องของเจิ้นจง (ตู้เหวินเจ๋อ)

เจิ้นจงคือลูกมือของเสี่ยวหลิงครับ หมอนี่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทำงานพลาดบ่อย และที่สำคัญคือพี่แกไม่มีแฟน อันชักนำให้พี่แกเข้าสู่วงการแชท ใช่ครับ แชททางเน็ทนี่แหละ แล้วมันก็ชักนำเขาไปพบกับ เจินจื่อ สาวสวยชาวญี่ปุ่นผู้น่ารัก หารู้ไม่ครับเธอเป็นผี อันนี้มามุขเดียวกับ Kairo เลยครับ ผีอินเตอร์เน็ท บวกด้วยคำสาปแบบ The Ring โอเคประเด็นนี้ยอมรับว่าก็อปเขามา แต่ปรากฎว่าตอนนี้หนังไม่ได้ทำเป็นแนวสยอง .. มันกลับเป็นเรื่องของความรักไปอีกแล้ว

ความรักแบบที่ผมร้องไห้ราวๆ สามรอบได้กับเรื่องของพวกเขา อันนี้จริงๆ ครับ สาบานเลย ร้องไห้จริงๆ

เมื่อเจิ้นจงพบความจริงก็สายไปแล้วครับ รู้ตัวอีกทีพี่แกก็โดนจับเขามาในโลกของเจินจื่อ และไม่สามารถออกไปได้ พวกหม่าเสี่ยวหลิงแล้วก็เทียนโย่วต้องมาหาทางช่วยอีก ตอนแรกเจิ้นจงก็อึ้งล่ะครับ หาทางกะล่อนเพื่อจะหนีไปจากเจินจื่อให้ได้ (ก็ไม่อยากตายอ้ะ) หลอกล่อเจินจื่อสารพัด ซึ่งเธอก็ยอมทำตามเขาทุกอย่าง คราวนี้ก็สบายพี่แกล่ะครับ ในเมื่อเธอเชื่อเขาทุกอย่างก็เลยทำอะไรได้ง่ายขึ้น จนพี่แกหาทางจะออกมาได้ … และเจิ้นจงก็เหลือบไปเห็นบันทึกของเธอในเครื่องคอม … ได้รู้ว่าทำไมเธอถึงตาย

หนังเฉลยเรื่องของเจินจื่อไว้อย่างยอดเยี่ยมครับ เป็นภาพอดีตขึ้นมาให้ดู เจินจื่อเดิมทีเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่ง เป็นคนเฉิ่มๆ ใส่แว่นหนาๆ ไม่กล้าทำอะไร และแอบปลื้มผู้ชายคนหนึ่ง เธอไว้ใจเขาอย่างที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งผู้ชายคนนั้น … ขืนใจเธอ …

ภาพถัดจากฉากที่ว่าคือ เจินจื่อจากนั้นเธอก็มีความแค้นอย่างมหาศาลจนมีปีศาจมาล่อลวงเธอให้กลายมาเป็นวิญญาณแค้น ฉากตอนเธอค่อยๆ กลายปเนวิญญาณแค้นนี่บอกตรงๆ ให้อารมณ์สยอง และสลดไปพร้อมๆ กัน ที่ว่าสยองคือฉากนั้นเป็นห้องมืดๆ แล้วเจินจื่อก็นั่งรัวใส่โปรแกรมลงในเครื่องคอมอย่างบ้าคลั่ง หน้าเธอซีดขึ้นเรื่อยๆ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะขาดใจตายไป

แต่ลึกๆ ผมสงสารเธอจับจิต … ขนาดคนดูยังหวิวๆ แล้วคิดดูครับเจิ้นจงจะทำอย่างไร

จากนี้ไปไงต่อก็ไปดูในเรื่องครับ เอาแค่ว่างานนี้เจิ้นจงไม่ใช่แค่ไอ้ไร้สาระอีกต่อไป และเจินจื่อไม่ใช่เพียงปีศาจที่ชั่วร้าย ตอนที่ทั้งคู่ต่างสลับกันแสดงความรักต่อกัน ยอมตายเพื่ออีกฝ่ายนี่แหละที่ผมร้องไห้ซ้ำซ้อนสุดๆ แล้วไอ้เพลงซึ้งๆ ของหนังยังกระหน่ำลงมาอีก คือกะให้ผมบ้าไปเลยใช่มั้ยล่ะครับเนี่ย

ประโยคที่ง่ายแต่โดนใจผมคือ ตอนที่เจิ้นจงมองดูเจินจื่อโดนทำร้าย โดยที่เธอไม่รู้ครับว่าเจิ้นจงน่ะออกจากมิติเธอไปแล้ว เธอเลยพยายามป้องกันยอมโดนยิงพลังใส่ แต่ไม่ยอมให้พลังนั้นสะเทือนไปถึงเขตที่เจิ้นจงอยู่เป็นอันขาด

เจิ้นจงเอ่ยปากออกมาหลังจากเห็นภาพนั้นว่า “นี่ผมเลวมากใช่มั้ย?”

… คนเรามักรู้ว่าสิ่งใดมีค่า ตอนที่สายเกินไปแล้วประจำ

เฮ่อ ผมร่ายยาวพร่ำมากครับ เพราะชอบจริงๆ ทีเหลือให้คุณๆ ลองไปดูดีกว่า บอกได้ว่าสนุกครับ น่าติดตาม เรื่องราวเข้มข้นทั้งในแง่การต่อสู่ สาระ และแอ๊คชั่น โดยเพาะตอนที่เจียนเฉิงคุยกับเจ้าแม่หนี่วา เกี่ยวกับความชั่ว – ดี ของมนุษย์ อย่างประเด็นว่า “ไฟเขียว ไฟแดง สื่อถึงความไม่รู้จักพอของคน” นี่ผมก็อึ้งแล้วล่ะครับ ใครจะไปนึกอ้ะว่าหนังแอ๊คชั่นผีๆ จะมีการสนทนาปัญหาบ้านเมืองแบบนี้

สรุปครับ สรุปๆ นี่คือหนังอีกเรื่องที่ไต่อันดับไปอยู่ในดวงใจผมเรียบร้อยแล้วนะครับ หนังชุดที่ผมชอบโคตรๆ ก็มี 8 เทพฉบับปี 96, ชอลิ้วเฮียง, เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด และเรื่องนี้ก็ไต่อันดับได้ดาวทะลักอีกเรื่อง เพราะโดนใจผมเป็นการส่วนตัวนะฮะ ผมชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว และมันทำได้สุดยอดจริงๆ แม้จะมีคนมากมายบอกว่าไม่ชอบที่หนังมันเหมือนเอาจุดเด่นของหนังผีมายำๆๆๆ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ แต่ผมว่าแม้มันจะไม่ได้ใหม่ล่าสุด ไม่ได้มีอะไรที่ดูแล้วเหวออึ้ง

แต่อย่างน้อยที่สุด … นี่คือหนังแนวปราบผี แอ๊คชั่น ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาครับ

สี่ดาวครับ

Star41

(9/10)