Action (Series)

เล็กเสี่ยวหง หงส์ผงาดฟ้า ภาค 1 (1976) Luk Siu Fung I

Untitled06104

นี่คือหนังจีนกำลังภายในที่สร้างจากนิยายดังของโกวเล้งนั่นเองล่ะครับ จริงๆ มันออกแผ่นมาตั้งแต่ปี 2546 แล้วล่ะครับ แต่ตอนนั้นยังไม่ใคร่จะสนดูเท่าไหร่ จนมานั่งตะบันอ่านเล็กเซี่ยวหงส์ที่ น.นพรัตน์ แปลไว้นี่แหละถึงเริ่มชอบรสชาติของจอมยุทธสี่คิ้วรายนี้

จริงๆ หนังชุดนี้ถือเป็นปมในวัยเยาว์เหมือนกัน เพราะสมัยก่อนตอนเด็กๆ ตอนเริ่มดู VDO ใหม่ๆ นั้นผมก็ชอบดูหนังจีนชุดแล้วครับ เช่ามาแหลก ไม่ว่าจะชอลิ้วเฮียง หรืออะไร ดูมาหมด แต่มาติดขัดเอาพี่เล็กนี่แหละที่เห็นโปสเตอร์หราอยู่ แต่ที่ร้านดันไม่มีม้วน รู้สึกพี่เจ้าของร้านจะเล่าให้ฟังว่า มีคนเช่าไป แล้วก็หายไปเลย ไม่เอามาคืนอีก (ทำไมทำอย่างนั้นล่ะคร้าบ) นี่จึงเป็นหนึ่งในหนังที่ผมอยากดู แต่ไม่ได้ดูมากว่า 10 ปีน่ะครับ

และในที่สุดก็ได้ดูซะทีนึง

สำหรับหนังจีนชุดนี้ทาง TVBI ได้ทำแยกออกมาเป็น 3 ภาคด้วยกัน และนี่คือภาคแรกที่ออกฉายเมื่อปี 1976 โดยเอาโครงเรื่องจากนิยายตอนแรกที่ชื่อว่า หงส์ผงาดฟ้า เอามาทำ อันเป็นการแนะนำตัว เล็กเซี่ยวหงส์ (หลิวสงเหยิน, Damian Lau) จอมยุทธสี่คิ้วที่ชมชอบในการยุ่งเรื่องชาวบ้าน ยิ่งเรื่องไม่ถูกต้องล่ะพี่แกไม่เคยเดินผ่านเลยครับ

เปิดเรื่องมา จู่ๆ พี่เล็กของเราก็เจอคนมาตามราวีรังควานมากมาย จนนำเขาไปพบกับฮ่องเต้อินทรีย์ ราชันย์แห่งอาณาจักรอินทรีย์ทองที่ต้องการทวงความเป็นธรรม โดยการขอให้พี่เล็กช่วยตามสืบคนทรยศ 3 คนที่นำเอาทรัพย์สมบัติของอาณาจักรอินทรีย์ทองมาเป็นของตน

พี่เล็กกับสหายสนิทอย่างฮวยมั่วเล้า (หวางวิ่นไฉ, Wan Choi Wong) คุณชายตาบอด ก็เลยต้องร่วมมือกันตามหาความจริง ตามสืบว่าคนลึกลับทั้งสามเป็นใคร แต่ยิ่งสืบก็ยิ่งพบเงื่อนงำครับ ซึ่งเรื่องจะลงเอยอย่างไรใครอ่านนิยายคงทราบแล้วนะครับ ใครเคยดูก็คงทราบเหมือนกัน ส่วนใครไม่เคยก็ลองไปหาคำตอบกันต่อนะฮะ

กับคำเล่าลือที่ว่า นี่เป็นเล็กเซี่ยวหงส์ฉบับที่ดีที่สุดก็คงไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่ เพราะแม้จะเก่าแก่ แต่หนังทำได้อย่างมีระดับครับ เริ่มจากทีมดาราที่ถือว่าดีหมดครับ หลิวสงเหยินเหมาะมากกับบทนี้ ท่าทางดูกรุ้มกริ่มเล็กยังมีไหวพริบปฏิภาณที่เฉียบคม ตัวเล็กแต่ฉลาดล้ำเหลือ เยี่ยมจริงๆ

ส่วนบทฮวยมั่วเล้า (หรือที่ในหนังจะเรียกว่า ฮวยม่วงเล้า) ก็ได้หวางวิ่นไฉรับบทไป ซึ่งเขาก็ทำได้ดีกว่าที่คาดหมายครับ ดูเป็นคนตาบอดจริงๆ แต่ที่ยอดมากคือการสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาทั้งๆ ที่ตาตัวเองบอด ใครที่ดูคงรู้น่ะครับว่าตอนนี้ ฮวยมั่วเล้า ต้องพบกับสาวที่ตนชื่นชอบและยังต้องเผชิญกับความสูญเสียอีกด้วย ตามปกติสายตานี่จะสื่ออารมณ์ได้ดีมาก แต่กับเขาคนนี้ ไม่สามารถใช้สายสื่ออารมณ์ได้ครับ เพราะตาต้องนิ่งและไม่เคลื่อนไหว ต้องบอดตลอด แต่ปรากฎว่าพี่แกสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้ แม้จะทำตาบอดอยู่อย่างนั้นน่ะแหละ ตอนยิ้มก็ดูเป็นแววตายิ้ม ตอนเศร้าก็สลดมาเชียว แต่ตายังนิ่งเหมือนคนบอดอยู่ครับ

ต้องบอกว่ายอดฝีมือ ยอดฝีมือจริงๆ

Untitled06106

นอกจากนั้นทั้งสองยังเข้าขากันได้ดีอีกด้วย ดูเป็นคู่หูคู่ฮาได้เลย ยิ่งตอนเล่นมุกหน้าตายนี่ฮาแบบไม่น่าเชื่อครับ ทั้งหลิวสงเหยินและหวางวิ่นไฉนี่ต้องยกนิ้วให้เลยจริงๆ

และอีกหนึ่งตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ไซมึ้งชวยเสาะ จอมกระบี่ผู้เดี่ยวดาย ซึ่งรับบทโดย หวงเหยียนเซิน (Yuan-Shen Huang) รายนี้ก็ดูนิ่งและเลือดเย็นดีมาก แกไม่เก็กเกินไปครับ ดูพอดีๆ แต่โดยส่วนตัวเวลาอ่านนิยายผมชอบจะนึกหน้าพี่เจิ้งอี้เจี้ยนลงไปมากกว่า ประมาณว่าติดมาจากตอนเล่น พายุดาบดวลสะท้านฟ้าน่ะครับ แกเหมาะจะเป็นไซมิ้งจริงๆ ดูเท่ห์และเดียวดาย

สำหรับหวังเหยียนเซินก็แสดงได้ดีเลยล่ะครับ ดูทรนงดีมาก ลีลาตอนเป่าเลือดจากกระบี่ก็ดูกำลังดี ไม่จงใจเกินไป และดูอารมณ์ยังเปลี่ยวเหงาอีกด้วย

สำหรับดาราเจ้าอื่นก็แสดงกันได้ดีล่ะครับ ถือว่าออกมาได้ดีตามนิยาย ส่วนการเดินเรื่องก็มาตามนิยายแบบเป๊ะๆ แทบจะไม่ดัดแปลงเลย ทำให้หนังอาจจะเดาง่ายสำหรับคนที่เคยอ่านมาแล้ว แต่หนังก็ยังเดินเรื่องได้น่าติดตามครับ แม้จะหวะจะเชื่องช้าไปบ้าง

ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะครับว่าเรื่องราวมันไม่ใช่เน้นแอ็คชั่น แต่จะเน้นบุคลิกตัวละครและเน้นการสืบสวนหาความจริงมากกว่า ส่วนแอ็คชั่นเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น ซึ่งหากดูในเรื่องการสืบสวนล่ะก็ออกมาดีครับ น่าติดตามดี ยิ่งช่วงท้ายนี่เข้าข่ายมันส์เลยล่ะ เพราะดาราดีและบทก็ดีไงครับ มันเลยลื่นไหล เหมือนเห็นตัวละครในนิยายได้มาโลดเล่นอย่างแท้จริง

แต่จุดที่ต้องทำใจหน่อย มีสองประการ ซึ่งสองประการนี้ถือเป็นจุดด้อยของหนังเก่าๆ ส่วนใหญ่น่ะครับ

ประการแรกคือ ฉากต่างๆ ที่ดูก็รู้ว่าเป็นฉากทำขึ้นในสตูดิโอ ต้นไม้บางอันก็ปลอม หินก็ดูเป็นโฟม บ้านก็ดูเล็กๆ กำแพงทางลับก็ดูหลอกเด็ก แต่ก็ต้องทำใจล่ะครับ หนังมันจะ 50 ปีแล้ว ทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าโอเคแล้วล่ะ

และประการที่สองคือฉากแอ็คชั่น ที่เวลาฟันกระบี่ออกลวดลายมันจะเป็นสเต็ป บู๊ตามคิวอย่างเห็นได้ชัด ประเภท ฟันหนึ่ง ฟันสอง ยกเท้า ฟันหนึ่ง ฟันสอง จ้วง อะไรทำนองนี้ ดูเป็นคิวอย่างมาก จุดนี้เลยทำให้คนที่ดูหนังกำลังภายในยุคปัจจุบันมาจนชินอาจจะหงุดหงิดเอาได้ง่ายๆ ซึ่งนี่ต้องทำใจอย่างแรงเลยครับ เพราะเวลาเห็นเทพกระบี่อย่างไซมึ้งฟันแบบเชื่องๆ มันก็เลยออกจะหงุดหงิดไม่ได้ ข้อนี้ต้องทำใจอย่างแรงเลยล่ะ

Untitled06105

นอกจากสองประเด็นนี้ อย่างอื่นๆ ก็นับว่ายอดครับ เพลงไตเติ้ลก็คลาสสิคดี การสืบสวนก็ดี ปมก็ดีมาตั้งแต่สมัยนิยายแล้วล่ะ มีความซับซ้อนยอกย้อนจนน่าดู อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ล่ะครับ แต่ถ้าให้พูดกันนี่เป็นเล็กเซี่ยวหงส์เวอร์ชั่นที่เจ๋งสุดแล้ว (ถ้าไม่นับเรื่องฉาก และบทบู๊)

ออ ใช่ เรื่องสาวๆ นี่ไม่ต้องสนเลยนะครับ มันไม่ขาวเด้งสวยใสเท่าสมัยนี้หรอก ดูๆ ไปหลายคนก็ออกแนวป้าๆ ด้วยซ้ำ อย่างสี่สะคราญง้อไบ้ก็ดูป้าๆ ไงก็ไม่ทราบ ยิ่งน้องเล็กนี่ดูท้วมๆ พิกลน่ะ เรื่องสาวๆ เลยเป็นอีกอันที่หนุ่มๆ คงต้องทำใจกันหน่อยล่ะครับ

เอาเป็นว่าคอหนังจีนหากมีโอกาสลองลิ้มก็น่าลองครับ หรือแฟนเล็กเซี่ยวหงส์ก็เหมือนกัน ถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่เสียชื่อนิยาย จริงๆ มันก็แกะจากนิยายมาแทบทั้งหมดแหละครับ แต่กลับดูสนุกซะอย่างนั้น ที่ว่าสนุกนี่คือตรงการตามสืบคดีอะไรนะฮะ ส่วนความฉับไวมันสู้สมัยนี้ไม่ได้อยู่แล้วล่ะ

แต่ถ้าท่านเป็นประเภทไม่ชอบดูหนังจีนเก่าๆ เพราะดูมันเชื่องช้า อืดอาด ก็คงต้องแล้วแต่ล่ะครับ เพราะผมแม้จะชอบ แต่อีกใจหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าออกจะตะหงิดๆ เพราะสไตล์หนังมันเก่าแก่ หนังมันตอบสนองตรงความดี ความแน่น ความลงตัว แต่เผอิญเรามันเคยเห็นอะไรไวๆ มันส์ๆ มานักต่อนัก บางทีก็ต้องการความมันส์บ้างในบางอารมณ์ของชีวิต และหนังฉบับนี้ก็ดูเหมือนจะให้อารมณ์มันส์ๆ ไม่ค่อยได้ ให้แต่ความสมบูรณ์แบบเก่าๆ เท่านั้นเอง

สุดแท้แต่จะใคร่ครวญครับ ถ้าชอบพี่เล็ก จะตามมาดูก็ไม่เสียหลาย เพราะมันออกมาเป็นพี่เล็กจริงๆ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)