
เรื่องราวของ ดาบมังกรหยก ฉบับจอใหญ่ครับ ได้ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทเตียบ่อกี้ ผู้ทีี่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกชาวยุทธบีบคั้นให้เผยที่ซ่อนของราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่น
เรื่องราวของ ดาบมังกรหยก ฉบับจอใหญ่ครับ ได้ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทเตียบ่อกี้ ผู้ทีี่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกชาวยุทธบีบคั้นให้เผยที่ซ่อนของราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่น
โรงเรียนกำจัดผี หรือ Ghost Busting นั้นถือว่าประสบความสำเร็จครับ ในบ้านเราก็จัดว่าดังพอตัว จนทีมงานจากหนังเรื่องนั้นยกกันมาทำหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะผู้กำกับ Sze Yu Lau, ได้พี่หวังจิ้งมาเขียนบทให้ และนำแสดงโดย เฉินไป่เสียน, ชิวซู่เจิน, จงฟะ, ชาร์ลี เฉา เรียกว่ายกพลจากเรื่องนั้นกันมาเลยล่ะ
ชื่อบอกว่าเป็นภาคต่อของหนัง Operation Pink Squad ซึ่งถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นหนังแอ็กชันน่ะนะครับ แต่อันนี้ดันโยกมาเป็๋นหนังผีซะ
เหล่าเซียนกลับมาตัดกันอีกรอบครับ ซึ่งความสนุกก็ยังมีอยู่ เพียงแต่อาจจะลดระดับจากภาคแรกลงไปพอสมควร
ทีนี้สลับมาหนังจีนบ้างล่ะนะครับ กับยอดภาพยนตร์ที่จัดว่าเป็นต้นแบบของหนังแนวเซียนพนันยุคใหม่ของฮ่องกง จากเดิมที่หนังแนวพนันมักจะเดินเรื่องแบบเนิ่บๆ หรือไม่ก็เน้นดราม่า (แบบหนังชุดชื่อดังในอดีตอย่าง คมเฉือนคม) ก็กลายมาเป็นหนังเซียนไพ่สุดมันส์ที่แข่งกันแบบเร้าใจ งัดกลยุทธ์มาเฉือนกัน ผสมด้วยแอ็กชันและความขำ
แม้ว่านี่จะเป็นภาคสาม แต่ส่วนประกอบฉากหลัง โทนออกมาต่างจากสองภาคแรกโดยสิ้นเชิง ก็สองตอนแรกไปสืบคดีในโรงเรียนใช่ไหมครับ แต่ภาคนี้มาสืบคดีฆาตกรรม ซ้ำยังเป็นคดีพิศวาสฆาตกรรมอีกด้วย
ภาคต่อครับผม งานนี้นายตำรวจจอมระห่ำโจวซิงซิง (โจวซิงฉือ) ต้องกลับมาพิทักษ์โรงเรียนอีกครั้ง เมื่อขบวนการโจรก่อการร้ายหวังจะยึดโรงเรียนเพื่อก่อความไม่สงบ ซิงซิงก็ต้องหาทางยังยั้งรับมือมันก่อนจะต้องมีคนตายลงไป
โจวซิงฉือ กับยุครุ่งเรืองสมัยแรกนะครับ งานนี้แสดงเป็น โจวซิงซิง (สมัยก่อนตัวละครแกก็มีแค่ชื่อสองชื่อนี่แหละครับ โจวซิงจู่บ้าง โจวซิงซิง หรือไม่ก็อาซิงเฉยๆ) ตำรวจระห่ำที่ชอบลุยเดี่ยวครับ ทำให้เวลาไปเป็นทีมถล่มผู้ร้ายทีไร ก็พาลูกน้องไปเสียชีวิตทั้งกระบิ
หนังฮาเอาขำแหลกสมัยรุ่งเรืองใหม่ๆ ของเฮียโจวซิงฉือ ที่จับเอาเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อมายำตามสไตล์เฮียแกครับ
หลังจากหลี่เหลียนเจี๋ยและฉีเคอะ ไม่ลงรอยกันในการทำงาน ทำให้ต่างคนต่างออกมาทำหวงเฟยหงในแบบของตนเอง สำหรับหลี่เหลียนเจี๋ยก็หันไปร่วมมือกับผู้กำกับ หวังจิ้ง และยอดฝีมือคิวบู๊ หยวนหวู่ปิงช่วยกันทำตำนานใหม่ของหวงเฟยหงที่ออกมาในแนวบู๊ผสมฮา