
หยิบอาม่ามาดูด้วยหัวโล่งๆ เลยครับ คือไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้วเพราะหนังโดนถล่มตั้งแต่เข้าโรง และเอาเข้าจริงพอดูตัวอย่างก็ไม่คิดว่าหนังจะน่าสนใจอะไรมากมาย
หยิบอาม่ามาดูด้วยหัวโล่งๆ เลยครับ คือไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้วเพราะหนังโดนถล่มตั้งแต่เข้าโรง และเอาเข้าจริงพอดูตัวอย่างก็ไม่คิดว่าหนังจะน่าสนใจอะไรมากมาย
หนังเรื่องนี้สร้างความสยองให้กับผมตั้งแต่เห็นโปสเตอร์ครับ… ไม่ให้สยองได้ยังไงในเมื่อภาพดาราที่ขึ้นอยู่ในนั้นคือพี่หม่ำ พี่เท่ง และโก๊ะตี๋ จนใจนี่กลัวไปไกลคิดว่าหนังจะออกมาแล้วเน้นไปที่ขายฮาแบบที่หลายๆ เรื่องมักจะเป็นกันหรือเปล่าเนี่ย
ผมอยากดูนะครับตอนเห็นตัวอย่าง คิดว่าถ้าจับประเด็นมาเล่นดีๆ หนังจะทั้งตลกและแทรกแง่คิดได้อย่างน่าสนใจเชียวล่ะ
ตอนแรกหมายมั่นว่าจะเข้าไปพิสูจน์มันในโรงซะเลย เพราะภาคแรกนี่ผมชอบนะครับ แม้พล็อตจะไม่มี แต่แอ็กชันมันไม่ผิดหวัง ตีกันมันส์ใช้ได้ ไอ้เรื่องฮาก็เรื่อยๆ ผมเลยสนุกไปตลอดครับ พอภาคสองจะสร้างก็รอตามระเบียบ ด้วยความหวังว่ามันจะสนุกไม่แพ้ตอนแรก
ย้อนมาพูดถึงภาคแรกหน่อยดีกว่า เคยพูดถึงภาคสองไว้แล้ว และก็ไม่ค่อยประทับใจนัก แต่ผมชอบภาคแรกนะครับ เลยขอยกมาพูดถึงหน่อยแล้วกัน
ภาคนี้ตอนฉายโรงได้รับคำชมจนอ่วมอรทัยไปเลยนะครับ 555 ซึ่งตอนนั้นตัวผมก็ยอมรับว่าไม่ถึงกับอยากดูมาก ไว้รอแผ่นก็ได้ ครั้นพอดูแล้วก็… ก็ขอบอกเนิ่นๆ เลยว่าที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ก็คงไม่ได้ช่วยสมานแผลให้กับหนังสักเท่าไร
หนังเจ้าของประโยค “ช้างกูอยู่ไหน” ในตำนานน่ะนะครับ ว่าด้วยขาม (จา พนม ยีรัมย์) กับการตามหาช้างพ่อลูกที่โดนพวกค้าสัตว์ข้ามชาติจับส่งไปกรุงซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย
ยอมรับว่านึกเรื่องที่จะพูดเกี่ยวกับ องค์บาก 3 ไม่ค่อยออกครับ อันที่จริงก็ยังไม่ถึงกับประทับใจเท่าภาคแรก แต่หนังก็มีจุดที่รู้สึกว่าโอเคอยู่หลายอย่าง
ผมดู องค์บาก 2 รอบแรกบนรถทัวร์ครับ ยอมรับว่าขณะดูรู้สึกว่าหนังออกมาโอกว่าที่คิด (อย่างน้อยก็โอกว่าที่ได้ยินคำร่ำลือมา)
“นี่ไง… ที่ที่ผมเจอพี่จา พนมเป็นครั้งแรก” นั่นคืออารมณ์ตอนดู องค์บาก รอบล่าสุดครับ