
เรื่องราวของ ดาบมังกรหยก ฉบับจอใหญ่ครับ ได้ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทเตียบ่อกี้ ผู้ทีี่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกชาวยุทธบีบคั้นให้เผยที่ซ่อนของราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่น
เรื่องราวของ ดาบมังกรหยก ฉบับจอใหญ่ครับ ได้ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทเตียบ่อกี้ ผู้ทีี่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกชาวยุทธบีบคั้นให้เผยที่ซ่อนของราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่น
ใครยังจำ บันล็อค ผู้ชายทะลุเวลา ได้บ้างครับ
ภาคนี้เป็นการกลับมาของโคตรเซียนเกาจิ้ง (โจวเหวินฟะ) ครับ หนังกำกับโดยหวังจิ้งเจ้าเก่า ในขณะที่โทนหนังก็กลับมาเน้นความเข้มและจริงจังแบบคนตัดคนภาคแรก โดยจะมีมุกฮาแทรกบ้าง แต่จะไม่มากเท่าภาค 2 – 3 ครับ
จบครบไตรภาคจนได้ครับสำหรับหนังชุดนี้ ซึ่งภาคแรกผมว่ายังโอเคนะ ทำออกมาสนุกในระดับกลางๆ แต่พอมาภาค 2 นี่ออกแนวเลอะซะเยอะ เนื้อเรื่องจริงๆ มันเหมือนจะมีอะไรอยู่ไม่น้อย แต่ดันเล่าให้มันไม่มีประเด็นไปซะงั้น และเน้นมุกขำที่บางทีก็ไม่ค่อยขำซะครึ่งค่อนเรื่อง
หนังภาคแรกผมถือว่าทำออกมาเอาฮา ชวนขำ ดูได้แบบเพลินๆ แล้วก็ยังแซวหนังคนตัดคนได้น่ารักไม่น้อย
From Vegas to Macau อาจเทียบชั้นหนังไพ่ระดับตำนานอย่างคนตัดคนไม่ได้ แต่ถ้าดูเอาสนุกเอาขำล่ะก็ ถือว่าพอได้อยู่ครับ
จำได้ว่ารอบแรกที่ดู City Hunter ฉบับเฮียเฉินหลงเป็นซาเอบะ เรียวนั้น มันมีอารมณ์ค้านนิดๆ เพราะหน่วยก้านและจมูกบานๆ ของเฮียเขามันไม่ใช่ซาเอบะสักเท่าไร
ในบรรดาหนังชุดคนตัดคนทั้ง 3 ภาค กระผ้มชอบภาคนี้สุดๆ เลยครับ แฮะๆๆ เพราะมันฮา ต๊องได้เข้าทางผมดี
เหล่าเซียนกลับมาตัดกันอีกรอบครับ ซึ่งความสนุกก็ยังมีอยู่ เพียงแต่อาจจะลดระดับจากภาคแรกลงไปพอสมควร
ทีนี้สลับมาหนังจีนบ้างล่ะนะครับ กับยอดภาพยนตร์ที่จัดว่าเป็นต้นแบบของหนังแนวเซียนพนันยุคใหม่ของฮ่องกง จากเดิมที่หนังแนวพนันมักจะเดินเรื่องแบบเนิ่บๆ หรือไม่ก็เน้นดราม่า (แบบหนังชุดชื่อดังในอดีตอย่าง คมเฉือนคม) ก็กลายมาเป็นหนังเซียนไพ่สุดมันส์ที่แข่งกันแบบเร้าใจ งัดกลยุทธ์มาเฉือนกัน ผสมด้วยแอ็กชันและความขำ