
หยิบ โหดตัดโหด มาดูเมื่อไร ต้องหยิบ โหด เลว ดี มาดูต่อ ไม่งั้นลมปราณความมันส์จะขาดช่วง!
หยิบ โหดตัดโหด มาดูเมื่อไร ต้องหยิบ โหด เลว ดี มาดูต่อ ไม่งั้นลมปราณความมันส์จะขาดช่วง!
ตอนแรกผมนึกว่า พยัคฆ์ตะลุยพยัคฆ์ หรือ Flying Swords of Dragon Gate เป็นการรีเมค คัมภีร์แดนพยัคฆ์ (Dragon Inn) แต่ไปๆ มาๆ มันเป็นภาคต่อครับ
อีกหนึ่งงานกำกับของฉีเคอะ ผู้กำกับที่ถือเป็นแถวหน้าของฮ่องกงมานานพอๆ กับ John Woo น่ะครับ ซึ่งผลงานของลุงเขาก็มีขึ้นมีลงบ้างตามจังหวะ แต่เรื่องที่ยังอมตะประเภทดูแล้วไม่เบื่อของพี่แกก็ต้องยกให้ เดชคัมภีร์เทวดา (โดยเฉพาะภาค 2) และหวงเฟยหง (โดยเฉพาะภาค 2 อีกเหมือนกัน)
เรื่องต่อจากภาคที่แล้วครับ เมื่อกรุงปักกิ่งแตกหลังจากการบุกยึดของชาวตะวันตก ทำให้หวงเฟยหง (เจ้าเหวินจั๋ว) และ หวงฉีอิงบิดาของอาจารย์หวงต้องเดินทางลี้ภัยออกมา แล้วมุ่งหน้ากลับเป่าจือหลิน
คราวนี้เรื่องไปเกิดที่กรุงปักกิ่งครับ หวงเฟยหง (หลี่เหลียนเจี๋ย) เหลียงควน (ม่อเส้าชง) และน้าสิบสาม (กวนจื่อหลืน) เดินทางไปเยี่ยมบิดาของอาจารย์หวง นามว่าหวงฉีอิง (Shun Lau) เพื่อแจ้งให้บิดาทราบว่าเขาและน้าสิบสามนั้น มีใจให้กัน แต่ก็เข้าอีหรอบเดิมครับ ที่เมื่ออาจารย์หวงแวะไปที่ไหน ที่นั่นก็จะมีเหตุความไม่สงบให้ต้องแก้ไขเสมอ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าบ้านเรา (โดยเฉพาะระยะหลังๆ นี้) ควรเอาหวงเฟยหงภาคนี้มาดูกันเยอะๆครับ เพราะหนังมันสะท้อนอะไรหลายอย่าง ชวนให้ฉุกคิดในหลายประเด็น
ภาคแรกของหนังกังฟูระดับตำนานครับ
ภาคต่อที่ย้อนไปทำเป็นภาคบีกินนิ่งครับ ว่าด้วยตี๋เหรินเจี๋ยวัยหนุ่ม (จ้าวโหย่วถิง) กับคดีประหลาดที่สะเทือนเมืองหลวง เมื่อมีการพบเห็นเทพมังกร สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นกลางทะเลสร้างความเสียหายให้กับกองทัพเรือของแผ่นดินถังไปอย่างมหาศาล
ตี๋เหรินเจี๋ยคือบุคคลในประวัติศาสตร์จีนอีกท่านหนึ่งท่านได้รับการกล่าวขวัญถึง โดยดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์ถัง และที่สำคัญคือได้รับใช้ราชสำนักในรัชสมัยพระนางบูเช็กเทียน กล่าวกันว่าตี๋เหรินเจี๋ยมีบทบาทอย่างยิ่งในการทูลเสนอแนะให้พระนางบูเช็กเทียนปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง โดยลดความรุนแรงโหดร้ายลง และให้มาใช้หลักคุณธรรมและเมตตาแทน
แล้วพี่ Jean-Claude Van Damme ของผมก็กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับฉีเคอะ แห่งฮ่องกงอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ครับ ต่อจาก Double Team เลยล่ะ