
หนังเรื่องนี้เข้าฉายไล่ตามหลังหนังไล่เชือดอย่าง Friday the 13th แต่ถ้าไล่เรียงจริงๆ แล้ว The Burning นั้นมีการเตรียมงานเขียนบทอะไรเสร็จก่อนครับ เพียงแต่ถ่ายทำทีหลังเท่านั้นเอง แต่ก็ส่งผลเหมือนกันครับ ใครๆ เลยพากันนึกว่าหนังออกมาตามกระแสศุกร์ 13
หนังเรื่องนี้เข้าฉายไล่ตามหลังหนังไล่เชือดอย่าง Friday the 13th แต่ถ้าไล่เรียงจริงๆ แล้ว The Burning นั้นมีการเตรียมงานเขียนบทอะไรเสร็จก่อนครับ เพียงแต่ถ่ายทำทีหลังเท่านั้นเอง แต่ก็ส่งผลเหมือนกันครับ ใครๆ เลยพากันนึกว่าหนังออกมาตามกระแสศุกร์ 13
เป็นหนังสยองแนวเชือดอีกเรื่องที่ผมจำได้ดี เนื่องจากคำโปรยที่กล่องนี่อหังการมากครับ มันโปรยว่า “ระวังไว้เจสัน-เฟรดดี้ เฮนรี่กำลังมาแล้ว” ประมาณว่าคาแรคเตอร์ฆาตกรโหดที่ชื่อ เฮนรี่ นี่กำลังจะมาเขย่าบัลลังก์ฆาตกรต่อเนื่องระดับตำนาน… แต่ความจริงมันก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ
ผิดปากที่ไหนล่ะครับมันมีตอนต่อจริงๆ
มาสูตรเดียวกับ Halloween และ Friday the 13th เลยครับ
จู่ๆ ตากล้องสาว ลอร่า มาร์ส (Faye Dunaway) ก็มีดวงตาเชื่อมกับฆาตกรโหด ทำให้เธอเห็นว่ามันกำลังลงมือฆ่าใคร เธอจึงรีบติดต่อกับตำรวจเพื่อช่วยในการสืบหาตัวคนร้าย โดยหวังว่าการไขคดีจะสำเร็จก่อนจะเกิดคดีฆ่าครั้งต่อไป และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ก่อนมันจะสาวมาถึงตัวเธอ
แอบหวังในหนังเรื่องนี้ด้วยชื่อของ Wes Craven ที่คราวนี้นอกจากกำกับแล้วยังควบหน้าที่เขียนบทให้หนังตัวเอง ซึ่งเรื่องล่าสุดที่เขาควบ 2 ตำแหน่งนี้ก็คือ Wes Craven’s New Nightmare ภาคสุดท้ายของหนังนิ้วเขมือบฉบับเก่าที่ถือว่าดีรองจากภาคแรก แต่ไปๆ มาๆ ผลที่ได้กลับไม่สมดังหวังสักเท่าไรครับ
หลังดูภาคนี้จบแล้วผมตระหนักได้อย่างหนึ่งครับว่า หนังชุด Saw 7 ภาคแรกนั้นถือเป็นหนังที่มีศิลปะในการนำเสนอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังชุดนี้มีความแตกต่างจากหนังไล่เชือดและหนังสยองเรื่องอื่นๆ ที่ส่วนมากพอทำออกมาได้ไม่กี่ภาคก็ต้องจบตัวเองลง หรือไม่ก็ทู่ซี้ทำแบบย่ำอยู่กับที่จนกว่ารายได้จะติดตัวแดงกันไป
พูดได้เต็มปากว่าผมชอบภาคนี้เป็นอันดับ 2 รองจากภาคแรก
การรีวิว Scream ภาคนี้คงต้องมีการแยกพูดถึง ระหว่างคุณภาพของหนัง กับเรื่องความชอบส่วนตัวครับ
สำหรับหนังสยองหลายๆ เรื่องแล้ว ภาคต่อจะก่อกำเนิดเมื่อภาคแรกทำเงินเยอะพอ แต่กับ Scream แล้ว ไอเดียภาคต่อได้เกิดขึ้นตั้งแต่บทภาพยนตร์ภาคแรกเพิ่งเขียนเสร็จหมาดๆ