
อีกหนึ่งหนังที่นำเอาความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถ่ายทอดแบบตรงไปตรงมา… ดูแล้วชวนให้สลดและหดหู่ใจอย่างยิ่งทีเดียวครับ
อีกหนึ่งหนังที่นำเอาความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถ่ายทอดแบบตรงไปตรงมา… ดูแล้วชวนให้สลดและหดหู่ใจอย่างยิ่งทีเดียวครับ
Fury ถือเป็นหนังแอ็กชันกลางไฟสงครามที่คอหนังแนวนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
The Water Diviner คือผลงานกำกับครั้งแรกของ Russell Crowe โดยเขารับบทนำด้วยครับ เป็นคอนเนอร์ ชาวไร่ชาวออสเตรเลียที่ตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามหาลูกชายทั้ง 3 ที่ถูกส่งไปรบที่กัลลิโพลี ประเทศตุรกี แล้วก็ขาดการติดต่อไป
ผมว่า The Monuments Men เป็นหนังที่มีความหมายนะครับ กับการจับเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งพยายามปกป้องศิลปวัตถุให้รอดพ้นจากภัยสงคราม
Seal Team Eight: Behind Enemy Lines ถือเป็นภาคที่ 4 ของหนังชุด Behind Enemy Lines ครับ สารภาพว่าก่อนดูภาคนี้ผมไม่ได้ตามดูภาค 2 กับ 3 เลย แต่ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ได้ต่อเนื่องอะไรกัน
ดูเรื่องนี้แล้วนึกถึง “ไทยถีบ” ของบ้านเราขึ้นมาเลยครับ ว่าด้วยขบวนการกองโจรที่ปล้นพวกต่างชาติที่เข้ามารุกรานแผ่นดิน แล้วสถานที่ในการก่อการก็คือรถไฟเหมือนกัน
หนังเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยแรงผลักดันของ Richard Burton ครับ ประมาณว่าลูกเลี้ยงของเขาอยากเห็น Burton แสดงในหนังแอ็กชันผจญภัยย้อนยุคสักเรื่องหนึ่ง เขาเลยเอาไอเดียไปบอกกับผู้อำนวยการสร้าง Elliott Kastner แล้วจากนั้น Kastner ก็หมายมั่นจะให้ Alistair MacLean นักเขียนนิยายที่เคยมีผลงานดังๆ อย่าง The Guns of Navarone มาช่วยเขียนบทให้
จริงๆ หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นอะไรที่เข้าทางผมมากเลยครับ เพราะเป็นหนังดราม่าที่จับเอาช่วงเวลาหนึ่งของคนมาบอกเล่า ซึ่งหนังสไตล์นี้ที่ผมชอบก็ยกให้ American Graffiti, Stand By Me และหนังตระกูล Before Sunrise ทั้งหลาย
ถ้ามองถึงประเด็นที่หนังนำมาเล่านั้น ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะไม่ค่อยเห็นเขาเอามาเล่ากันสักเท่าไร ทั้งที่เหตุการณ์นี้ก็เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ไม่แพ้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเลย
ผมเชื่อเสมอครับว่าหนังสักเรื่องจะเด็ดไหม มันมีอะไรมากกว่าเรื่องของทุน หรือเรื่องของความยิ่งใหญ่ เพราะบางเรื่องตัวละครน้อยๆ สถานที่จำกัดก็สามารถเป็นหนังที่ดูสนุก ออกรส น่าจดจำได้มากกว่าหนังใหญ่โตโอฬารบางเรื่องเสียอีก