
Pitch Perfect กำลังจะปิดตำนานด้วยภาค 3 ที่จะฉายปลายปีนี้น่ะนะครับ บอกตรงๆ เลยว่าผมก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ นะ ว่าหนังจะปิดตำนานได้ดีไหม ซึ้งไหม ว่าง่ายๆ คือแอบเอาใจช่วยอยู่ครับ เพราะลึกๆ ผมก็อยากดูแล้วได้อารมณ์ “อิ่ม” แบบตอนดู Pitch Perfect ภาคแรกอีกสักครั้ง
Pitch Perfect กำลังจะปิดตำนานด้วยภาค 3 ที่จะฉายปลายปีนี้น่ะนะครับ บอกตรงๆ เลยว่าผมก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ นะ ว่าหนังจะปิดตำนานได้ดีไหม ซึ้งไหม ว่าง่ายๆ คือแอบเอาใจช่วยอยู่ครับ เพราะลึกๆ ผมก็อยากดูแล้วได้อารมณ์ “อิ่ม” แบบตอนดู Pitch Perfect ภาคแรกอีกสักครั้ง
ตามกฎธรรมดาของธรรมชาติ โดดสูงแค่ไหน ยังไงก็ต้องตกลงมา
หนังว่าด้วยกีฬาที่พะยี่ห้อโดย Disney ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยทำให้ผมผิดหวังครับ และสำหรับผมแล้ว หนังกีฬาเรื่องไหนที่มี Kevin Costner แสดงนำ ก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเช่นกัน
ภาคที่ 3 ของ Never Back Down ซึ่งเมื่อพูดถึงหนังชุดนี้แล้วผมว่าสไตล์มันเปลี่ยนไปในแต่ละภาคนะครับ อย่างภาคแรกนี่ออกแนว The Karate Kid แบบผู้ใหญ่ พอมาภาค 2 ก็เป็นส่วนผสมระหว่างหนังภาคแรกกับหนังบู๊ที่มีโลกแห่งการต่อสู้แบบดิบๆ เข้ามาเกี่ยว
ขอยกให้ The Wrestler เป็น “หนังขยี้หัวใจ” ที่ผมชอบอย่างมากมายครับ
จำได้ว่าตอนดู Point Break ภาคต้นฉบับเป็นหนแรก ผมรู้สึกโอเคกับหนัง แต่ยังไม่ถึงกับมากมายอะไร ส่วนหนึ่งอาจเพราะดูตอนยังเด็กน่ะครับ อารมณ์ ความเข้าใจ และอะไรหลายๆ อย่างมันเลยยังไม่ถึงระดับที่จะอินไปกับหนังได้
The Search for Freedom หากดูเผินๆ แล้วมันอาจไม่ใช่ชื่อที่ตรงสำหรับเนื้อหาของสารคดีเรื่องนี้ซะทีเดียวครับ
รู้สึกว่าระยะหลังๆ นี้ Tobey Maguire มักจะเล่นบทแนวคนเก็บกดอะไรสักอย่าง แล้วก็มีฉากให้แหกปากระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ ครับ (เพราะลอง Search ภาพหนังใหม่ๆ ของเขาทีไรต้องมีคนแคปภาพตอนพี่แกแหกปากมาลงทุกที ^_^)
อีกหนึ่งหนังคุณภาพและการแสดงดีๆ ของ Will Smith ครับ แม้จะไม่ถึงขั้นที่ The Pursuit of Happyness และ Seven Pounds เคยทำไว้ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การรับชมครับ
หนังหมัดมวยที่ถือว่ามาพร้อมหมัดอันหนักหน่วงเลยล่ะครับ ตัวหนังออกมาจริงจังและกดดันพอสมควร ยอมรับเลยว่าดูแล้วบางจังหวะก็แอบเครียดนะ เพราะพล็อตเรื่องมันกดดันและบีบคั้นตัวเอกเหลือเกิน