
นิยามได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้ออกแนว “สยอง หลอน เมา” ซึ่งจริงๆ เข้าทางผมนะ แต่ขณะเดียวกันก็เผื่อใจเอาไว้นิดๆ ว่าพอดูแล้วอาจจะไม่ถึงกับชอบมากอย่างที่คาดก็ได้ (ว่าง่ายๆ คือลดความคาดหวังก่อนดูนั่นแหละครับ)
นิยามได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้ออกแนว “สยอง หลอน เมา” ซึ่งจริงๆ เข้าทางผมนะ แต่ขณะเดียวกันก็เผื่อใจเอาไว้นิดๆ ว่าพอดูแล้วอาจจะไม่ถึงกับชอบมากอย่างที่คาดก็ได้ (ว่าง่ายๆ คือลดความคาดหวังก่อนดูนั่นแหละครับ)
หนังไซไฟสยองขวัญสัญชาติเยอรมันครับ โดยเนื้อเรื่องนั้นดัดแปลงจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันนี้ของ H.P. Lovecraft ครับ
เป็นที่ทราบกันดีว่าผืนแผ่นดินอเมริกานั้น ผู้ที่อาศัยอยู่แต่ดั้งแต่เดิมคือชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดง แต่ครั้นพอคนผิวขาวย้ายมาอยู่กันมากๆ เข้า ชาวอินเดียนแดงก็ถูกบีบคั้นให้มีที่อยู่อาศัยน้อยลงเรื่อยๆ และยังถูกกวาดล้างจนเหลือประชากรน้อยลงตามลำดับ มิหนำซ้ำยังโดนคนผิวขาวกำหนดกฎเกณฑ์จำกัดสิทธิ์สารพัดจนแปรสภาพจากเจ้าของดินแดนดั้งเดิมกลายเป็นเพียงพลเมืองชั้นรอง
เรซ ดาร์เนลล์ (Patrick Swayze) ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมภรรยาของเขา แต่เขาก็พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์มาโดยตลอดครับ และระหว่างที่เขาติดคุกเขาก็มีโอกาสได้ติดต่อกับผู้หญิง 4 คนทางจดหมาย ซึ่งพวกเธอทำให้เขามีกำลังใจที่จะสู้ต่อ
มาร์นีย์ วัตสัน (Famke Janssen) โดนสามี (Michael Paré) ทารุณกรรมจนในที่สุดเธอก็ฆ่าเขาตายและเธอก็ถูกตัดสินให้รับโทษโดยการจองจำเธอไว้ในบ้านของเธอเอง (บ้านหลังที่เธอฆ่าสามีนั่นแหละ) และห้ามเธอออกไปไหนจนกว่าจะพ้นกำหนดโทษ
ทำไมโปสเตอร์ของ Split ต้องเป็นรอยกระจกแตก? ตอนแรกผมไม่เอะใจนะ ก็คิดง่ายๆ ว่าคงเพราะเรื่องมันเกี่ยวกับบุคลิกที่แตกออกเป็น 23 ตัวตนของตัวเอก โปสเตอร์เลยทำเป็นรอยแตกซะ… แต่พอดูจบปุ๊บแล้วมาดูโปสเตอร์ใหม่ ก็ถึงบางอ้อเลยทีนี้
ตามดูเรื่องนี้ก็เพราะเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องของ Clive Barker เจ้าของเดียวกับที่ผลิตผลงานหนังสยอง (ที่ผมชอบมากๆ) อย่าง Hellraiser นั่นเองครับ โดยเรื่องนี้เขาก็ลงมือกำกับเองด้วย
ได้ยินกิตติศัพท์มาว่าหนังชุดนี้มีดีใช้ไดก็เลยรอดูอยู่พักหนึ่งครับ (เพราะตอนที่รู้ หนังยังไม่เข้าไทย) ครั้นพอได้ดูก็ยอมรับเลยครับว่าของเขาดีจริง ดูสนุกในระดับที่น่าพอใจทีเดียว
ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องของเด็กนรกแห่งทุ่งข้าวโพดจะจบไปแล้วในภาคที่ 7 (Revelation) เพราะมีเห็นมีการรีเมคภาคแรกใหม่ไปแล้ว แต่ไปๆ มาๆ มันยังไม่ยอมจบครับ (ส่วนเราก็ตามดูไม่ยอมเลิกเหมือนกัน 555)
ดูครบแล้วครับสำหรับ 6 หนังลงน้ำในช่วงปี 1989 – 1990 ที่ขยันทำแนวนี้กันออกมาเหลือเกิน ซึ่งเกือบทั้งหมดก็ไปไม่ถึงดวงดาว มีแค่ The Abyss เรื่องเดียว ที่ถือว่าถึงรสถึงชาติ (แต่หากว่ากันในแง่รายได้แล้ว แต่ละเรื่องต่างก็ไม่ทำเงินเท่าที่ควร จนทำให้วงการหนังเข็ดขยาดทำหนังลงน้ำกันไปเลยครับ)