
Diary of a Wimpy Kid 3 ภาคแรกถือเป็นหนังสนุกสุดเพลินที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ ทีมดาราเล่นกันได้พอเหมาะ และแต่ละตอนก็มีครบทั้งอารมณ์ขันและเนื้อหาสาระดีๆ ที่สำคัญคือยิ่งดูก็ยิ่งคุ้นกับทีมดาราหน้าเดิมๆ
Diary of a Wimpy Kid 3 ภาคแรกถือเป็นหนังสนุกสุดเพลินที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ ทีมดาราเล่นกันได้พอเหมาะ และแต่ละตอนก็มีครบทั้งอารมณ์ขันและเนื้อหาสาระดีๆ ที่สำคัญคือยิ่งดูก็ยิ่งคุ้นกับทีมดาราหน้าเดิมๆ
วรรณกรรมเยาวชนสุดฮิตอีกเรื่องที่ถูกนำมาทำเป็นหนังนะครับ กับเรื่องของ 3 พี่น้องตระกูลโบดแลร์ อันประกอบด้วย ไวโอเล็ต (Emily Browning) พี่สาวคนโตผู้ชาญฉลาด, เคลาส์ (Liam Aiken) น้องชายคนกลางผู้รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ และซันนี่ (มีเด็กน้อย 2 คนผลัดกันแสดงครับ คือ Kara Hoffman และ Shelby Hoffman) น้องนุชสุดท้องที่กำลังอยู่ในวัยใช้ฟันกัดทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งจู่ๆ พวกเขาต้องมาสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างมีเงื่อนงำในเหตุไฟไหม้ ทั้ง 3 จึงต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
รู้ไหมครับ ตอนเป็นเด็ก ผมชอบทำอะไร… ชอบเอาหุ่นเซนต์เซย่ากับตุ๊กตาสิงโตมาสู้กัน
บอกตรงๆ ว่าผมดีใจมากเลยล่ะครับที่ระยะหลัง Disney กล้าทำหนังสไตล์นี้ออกมามากขึ้น หนังประเภทดูสนุกและอบอุ่น เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดีน่ะครับ ^_^
หนังเบาสมองสำหรับทุกคนในครอบครัวที่ทำออกมาตามกระแสคนรักน้องเหมียวครับ แน่นอนว่าก่อนดูก็แอบเผื่อใจไว้หน่อย แม้ชื่อดารานำอย่าง Kevin Spacey และผู้กำกับ Barry Sonnenfeld (Men In Black) จะทำให้เกิดความคาดหวังเล็กๆ ขึ้นมาก็เถอะ
กาลเวลาเดินไปข้างหน้าไม่หยุด เช่นเดียวกับความเปลี่ยนแปลงที่เดินไปพร้อมกับกาลเวลาเสมอ
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็พลันผุดความคิดมากมายหลายอย่างขึ้นในหัว ขนาดดูจบไปพักหนึ่งความคิดที่ว่าก็ยังคงผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากจะให้สรุปองค์ความคิดเหล่านั้นแบบคร่าวๆ ก็คงเป็นว่า “เราน่าจะแก่แล้วจริงๆ” 5555
เห็นหน้าหนังแล้วนึกถึง Diary of a Wimpy Kid ครับ หลายองค์ประกอบมาทางเดียวกันเลย ถ้าให้ว่าตามจริงก็คือแอบหวังน่ะครับว่าหนังจะทำออกมาสนุกและดูได้เพลินๆ แบบนั้น
ครับ ภาคแรกธรรมดา ภาคสองดี ภาคสามเจ๋ง งั้นภาคสี่ก็ต้องเป็นเทพล่ะสิ…. ป่าวคับ ไม่ใช่อย่างงั้นอ้ะ
เผอิญผมซื้อมาครบก็เลยเอามานั่งดูต่อๆ กันไปเลยน่ะนะครับ