
The Pale Blue Eye ถือเป็นหนังถูกใจอีกหนึ่งเรื่องครับ แนวนี้ใช่เลย สืบคดีย้อนยุคได้กลิ่นอายโกธิค เดินเรื่องเหมือนนิยายที่เปิดไปทีละหน้า และที่สำคัญคือมี เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาเป็นหนึ่งในตัวละครด้วย
The Pale Blue Eye ถือเป็นหนังถูกใจอีกหนึ่งเรื่องครับ แนวนี้ใช่เลย สืบคดีย้อนยุคได้กลิ่นอายโกธิค เดินเรื่องเหมือนนิยายที่เปิดไปทีละหน้า และที่สำคัญคือมี เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาเป็นหนึ่งในตัวละครด้วย
เขาว่า Extreme Job สนุกก็เลยจัดมาครับ กะผ่อนคลาย ซึ่งหนังก็ถือว่าโอเคครับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้เข้าทางผมซะทีเดียวเท่านั้นเอง
Hollywood Homicide นี่เคยดูมาแล้ว 2 รอบครับ รอบแรกตอนออกแผ่นใหม่ๆ ดูแล้วก็ออกแนวเฉยครับ จากนั้นก็ได้ดูอีกรอบเมื่อไม่นานมานี้ เอามาเปิดดูเล่นยามว่างเผื่อว่าจะชอบมากขึ้น แต่ผลก็คือยังเฉยอยู่เหมือนเดิม
The Pledge ถือเป็นหนึ่งในหนังที่จบได้ขัดใจครับ นี่ขนาดดูมาแล้วหลายวันบทสรุปของหนังยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย ซึ่งเดี๋ยวก็ต้องมีการสปอยล์แน่นอน แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นก็ขอเล่าแบบไม่สปอยล์ก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าจะสปอยล์เมื่อไรแล้วจะบอกอีกทีครับ
แฮร์รี่ ดีน (Colin Firth) ภัณฑารักษ์งานศิลป์ตั้งใจจะแก้แค้นเจ้านายจอมวายร้ายอย่างไลโอเนล ชาบานดาร์ (Alan Rickman) โดยการวางแผนตุ๋นครั้งใหญ่ หมายจะล่อหลอกให้ไลโอเนลยอมจ่ายเงินซื้อภาพโมเน่ต์ปลอมที่เขาสร้างขึ้น และเขาก็ได้ขอแรงให้แม่สาวโรดิโอ้ชาวอเมริกันสุดห้าวอย่างพีเจ (Cameron Diaz) ให้มาช่วยร่วมแผนนี้ด้วย แต่แทนที่เรื่องจะง่ายกลับกลายเป็นวุ่นกว่าเก่าครับท่านผู้ชม
Lost Bullet 2 สานต่อเรื่องจากภาคแรกครับ หลังจากลีโน่ (Alban Lenoir) พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ แต่คนร้ายกลับยังลอยนวล ทำให้ลีโน่ต้องลุยล่าผู้ร้ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนังมาพร้อมความซับซ้อนครับ ไม่ได้เล่าแบบตรงๆ เล่นง่ายๆ แบบภาคแรกแล้ว ประมาณว่าตัวละครเริ่มมีลับลมคมในต่อกัน ลีโน่เองก็ต้องมาลุยฝ่าดงกระสุน และฝ่าคำโกหกของเพื่อนร่วมงานกันเอง
ลีโน่ (Alban Lenoir) อดีตอาชญากรที่ได้รับโอกาสที่ 2 จากเจ้าหน้าที่ชาราส (Ramzy Bedia) ให้มาช่วยงานตำรวจ ซึ่งลีโน่ก็ทำงานแบบเต็มที่ล่ะครับ หวังตั้งต้นเริ่มชีวิตใหม่ จนกระทั่งเขาโดนใส่ความว่าฆ่าคน งานนี้เขาเลยต้องออกโรงปกป้องตนเองโดยการหนีการจับกุมและควานหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาให้ได้
พี่ Steven Seagal กับบท ไมเคิล เดคเกอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ยอดฝีมือที่ยื่นมือเข้าช่วยหญิงสาวคนหนึ่ง (Jade Ewen) จากการถูกทำร้าย บทลงเอยของเหตุการณ์นั้นคือเขาสามารถช่วยเธอได้ แต่ก็ต้องเล่นงานอีกฝ่ายถึงตาย และนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องพัวพันกับโลกของอาชญากรที่สุดแสนอันตราย
หลังดู Glass Onion จบ ผมก็ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงในการถามตัวเองว่าตกลงรู้สึกยังไงกับหนัง?
สำหรับผมแล้ว ความสนุกของ Knives Out ไม่ได้อยู่ตรงการเดาตัวฆาตกร (เพราะสารภาพตามตรงว่าพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกๆ แล้ว) แต่มันสนุกเพราะหนังมีองค์ประกอบดีๆ มาผสมกันอย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะทีมดารามือดี การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง มีรายละเอียดและมีอะไรให้ตามอยู่เรื่อยๆ และโทนของเรื่องที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ดูแล้วได้อารมณ์หนังสืบสวน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เรายิ้มได้เป็นระยะๆ