
พอ Dr. No ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทำให้ United Artist ตกลงไฟเขียวให้กับภาคต่อของหนังบอนด์ทันที ทั้งยังเพิ่มทุนสร้างให้หลังจากภาคแรกใช้่ไปประมาณ 1 ล้าน มาภาคนี้ก็อัพขึ้นให้เป็น 2 ล้าน เรียกว่าจัดเต็มสุดตัวกันไปเลยทีเดียว
พอ Dr. No ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทำให้ United Artist ตกลงไฟเขียวให้กับภาคต่อของหนังบอนด์ทันที ทั้งยังเพิ่มทุนสร้างให้หลังจากภาคแรกใช้่ไปประมาณ 1 ล้าน มาภาคนี้ก็อัพขึ้นให้เป็น 2 ล้าน เรียกว่าจัดเต็มสุดตัวกันไปเลยทีเดียว
Dr. No ว่าด้วยการผจญภัยครั้งแรกบนจอใหญ่ของสายลับอังกฤษรหัส 007 (ซึ่งรหัสนำหน้า 00 แสดงว่า มีใบอนุญาตฆ่า) นามว่าเจมส์ บอนด์ (Connery) ที่ถูกส่งไปจาไมก้าเพื่อสืบร่องรอยคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับอังกฤษที่ชื่อสแตรงเวย์ แล้วเงื่อนงำทั้งหลายก็นำพาเขาไปพบกับอาชญากรลึกลับ ด็อกเตอร์โน (Joseph Wiseman) ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งคดีฆาตกรรมและปฏิบัติการร้ายหมายก่อกวนความสงบสุขของโลก
นี่ถือเป็นหนังที่ตัดต่อตัวอย่างมาได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในความคิดผมเลยครับ… ไม่ได้หมายถึงตัดออกมาดึงดูดหรือน่าดูนะ แต่หมายถึงมันตัดออกมาเรื่อยๆ จนหัวคิดไปว่าหนังคงเรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เหมือนหนังบู๊เอามันส์อลังการย้อนยุคทั่วๆ ไป
ในโลกที่หนังเต็มไปด้วย “การเปิดจักรวาลโน่นนี่” มีอยู่ 2 จักรวาลที่ผมอยากให้มีคนเปิดให้สำเร็จ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปได้ยาก เพราะคนที่จะเปิดได้ต้องเทพจริงๆ และมันอาจเป็นจักรวาลที่ไม่ได้ทำเงินระเบิดระเบ้อเหมือนใครเขา
ตอนที่ 3 ของหนังชุดนี้ จบลงด้วยการทำเป็น 3 มิติ… อืมม์ …ก็ตอบสนองตัณหาพี่ Robert Rodriguez กันเข้าไปล่ะครับ
1 ปีต่อมา เขาก็กลับมาอีกครั้งครับ ผู้กำกับ Robert Rodriguez (El Mariachi, Desperado, Spy Kids) ก็พาเอา 2 พี่น้องคาร์เมน (Alexa Vega) กับจูนิ (Alexa Vega) กลับมารับหน้าที่สายลับจิ๋วอีกหน ในภาคนี้พวกเขาก็ได้เป็นสายลับจิ๋วเต็มตัวแล้วล่ะครับ
พี่ Robert Rodriguez นี่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ถนัดหนังแนวรุนแรงคนหนึ่งนะครับ ตอนที่พี่ท่านประกาศจะมาทำเรื่องนี้ผมก็ประหลาดใจล่ะครับ ก็เห็นเขาทำหนังกี่ทีนี่จะต้องมีศพเกลื่อนเลือดกลาดทุกรอบ แล้วนี่จะมาทำหนังเด็กมันก็เลยอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
เรื่องอื่นรอดูได้ แต่สำหรับเรื่องนี้รอไม่ไหวจริงๆ ครับ เข้าโรงแล้วขอดิ่งไปดูให้กระจ่างใจกันไปเลย ทั้งในฐานะคนที่ติดตามหนังชุดนี้มานาน และในฐานะที่อยากรู้ว่า Trek ภาคนี้จะออกมาอย่างไร หลังจากเปลี่ยนมือผู้กำกับไปเป็น Justin Lin
เกม Assassin’s Creed สำหรับผมแล้วถือเป็นปรากฏการณ์แห่งความมันส์ครับ เล่นแล้วติดเลย แล้วก็ตามเล่นทุกภาคเรื่อยมา ยิ่งภาคหลังๆ นี่โลกในเกมมันกว้างขึ้น ผมก็ใช้เวลาเดินเล่นในเกมเป็นชั่วโมงๆ ประหนึ่งเป็นที่เดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศทีเดียว
เหตุผลหลักเลยที่ทำให้ผมไปดู King Arthur ก็เพราะอยากจะรู้ว่า “มันจะเป็นแบบที่ผมคิดไหม?”ครั้นพอได้ดูแล้ว ก็พบว่าเป็นแบบที่คิดจริงๆ ครับ