
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้ตระหนักเลยครับว่า ระหว่าง “การอยู่ไปวันๆ” กับ “การอยู่เพื่อใครสักคน” นั้น มันมีความแตกต่างกันเพียงไหน…
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้ตระหนักเลยครับว่า ระหว่าง “การอยู่ไปวันๆ” กับ “การอยู่เพื่อใครสักคน” นั้น มันมีความแตกต่างกันเพียงไหน…
จัดเป็นหนังแอ็กชัน ผจญภัย บวกไซไฟที่ทำออกมาได้โอเคเลยครับ แม้ตัวหนังอาจจะไม่ถึงกับสุดยอดไปเสียทั้งหมด แต่ถ้าว่ากันโดยรวมล่ะก็ หนังจัดว่าตอบโจทย์ได้ทั้งความบันเทิงและยังมีพล็อตเชิงดราม่าผสมลงมาในระดับที่น่าพอใจทีเดียว
ใครคาดหวังว่าจะได้ดูหนังผจญภัยสไตล์ไซอิ๋วแบบที่หลังๆ เขาทำกันออกมาเยอะแยะมากมายหลายเวอร์ชั่นล่ะก็ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่า เวอร์ชั่นนี้ไม่เน้นแอ็กชันหรืออภินิหาร แต่ไปเน้นดราม่าซะละมากกว่า
ตอนแรกๆ ก็แอบหวังไว้เหมือนกันนะครับ เพราะผู้สร้างเขาประกาศเลยว่านี่จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวใหม่ มาพร้อมความสยองสายดาร์ค แต่พอหนังเลื่อนแล้วเลื่อนเล่า (ไหนค่าย Fox ยังไปอยู่ใต้ร่มเงาของ Disney อีก) ก็เริ่มเห็นแววครับว่าสงสัยความน่ากลัวของหนังน่าจะไม่มากเท่าที่คาดไว้
เป็นหนังที่ตั้งชื่อไทยได้อล้าอลังมากครับ ประหนึ่งเป็นหนังว่าด้วยผู้ก่อการร้ายยึดเมืองแล้วตำรวจต้องมาปะฉะดะก่อนจะเผด็จศึกกัน แต่เอาเข้าจริงเนื้อหาไม่ได้ใหญ่เบอร์นั้นครับ
ตลอดการดูหนังเรื่องนี้ ในหัวผมจะมีคำๆ หนึ่งผุดขึ้นมาอยู่เป็นระยะๆ นั่นคือคำว่า “ผมเข้าใจนะ ผมเข้าใจ”
สารภาพแบบแมนๆ เลยว่า ไม่ได้หลับระหว่างดูหนังมานานหลายปีแล้วครับ แต่กับเรื่องนีนี่เอาไม่อยู่จริงๆ วูบหลับหลายรอบจนต้องเดินไปเอาน้ำลูบหน้า
ว่าตามจริงผมชอบ Escape From New York มากกว่าครับ แม้จะไม่ได้มันส์อะไรมากแต่มันมีความกลมกล่อมสำหรับหนังผจญภัยในโลกอนาคตที่เสื่อมทราม มีความลงตัวพอดีในแง่การเดินเรื่อง ในขณะที่ Escape From L.A. นี่ ความลงตัวค่อนข้างน้อยกว่า การเดินเรื่องมีช่วงอืดช้าและในแง่ความมันส์ก็ยังไม่ถึงเครื่อง
ถือเป็นหนังแอ็กชันผจญภัยที่ทำออกมาได้ดีอีกเรื่องหนึ่งสำหรับสมัยนั้นครับ และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจดจำของผู้กำกับ John Carpenter ด้วย
เกิดคดีฆาตกรรมหญิงสาวคนหนึ่งในบริษัทใหญ่กลางเมืองลอสแองเจลิส ทำให้จอห์น คอนเนอร์ (Sean Connery) และ เว็บสเตอร์ สมิธ (Wesley Snipes) 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกส่งมาเพื่อไขคดี