Mojin: The Worm Valley กับการผจญภัยของหูปาอี (Heng Cai), เชอร์ลี่ หยาง (Xuan Gu) และผองเพื่อน โดยคราวนี้พวกเขาต้องเดินทางไปยังเขามังกรซ่อนเพื่อค้นหามุกธุลี เพื่อเอามาใช้ในการหาทางแก้คำสาป
ผมนั้นชอบหนังแนวล่าสมบัติครับ เหตุผลหนึ่งที่เอาเรื่องนี้มาดูก็เพราะอยากดูหนังแนวนี้นั่นแหละ แต่ทางฟากฮอลลีวู้ดไม่ค่อยทำออกมา ในขณะที่ของจีนนี่ทำออกมาเยอะจนกะว่าจะไล่ดูให้หมดๆ ครับ ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดหลายๆ เรื่องก็สร้างจากนิยายชุดนี้นี่แหละ
สำหรับผลลัพธ์ผมถือว่ากลางๆ ครับ คือไม่ได้สนุกมากมาย ดูได้แบบเรื่อยๆ มีทั้งส่วนที่เข้าท่าและยังไม่เข้าทีผสมกันไป แต่ก็พอจะตอบโจทย์คนชอบหนังผจญภัยได้บ้าง
จุดดีของหนังคืองานภาพครับ ตั้งแต่ภาพทิวทัศน์ป่าเขาลำเนาไพรซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของจีนอยู่แล้ว ภาพป่าเขียวชอุ่ม ท้องทุ่งหญ้าพลิ้วปลิวลม ดูแล้วก็รู้สึกสดชื่นและที่สำคัญคือมันได้บรรยากาศความเป็นหนังผจญภัยครับ จะไปยังดินแดนลึกลับทั้งทีมันก็ต้องมีป่ารกอยู่ระหว่างทางเป็นของคู่กัน
ส่วนเรื่องการผจญภัยนั้นก็มันรู้สึกกลั้วๆ กันครับ ถ้าว่ากันถึงฉากที่พวกตัวเอกต้องไปเผชิญมันก็ได้อารมณ์ผจญภัยใช้ได้ ไม่ว่าจะล่องแพน้ำเชี่ยวในถ้ำ หรือหน้าผาที่มีโลงศพวางอยู่เต็มผาไปหมด แล้วก็ฉากถ้ำต่างๆ อะไรพวกนี้ถือว่าหนังทำออกมาได้ดีครับ ดูแล้วใจก็คิดว่า หนังล่าสมบัติมันต้องแบบนี้แหละ ฉากพวกนี้น่ะใช่เลย
ส่วนงาน CG ก็ถือว่าอยู่ในข่ายดีครับ แม้จะมีบางฉากที่ดูหลุดๆ บ้างอย่างตอนวิ่งหนีกิ้งก่ายักษ์นั่นเป็นต้น แต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ในข่ายโอเคครับ
งานฉากดี CG โอเค แต่จุดที่รู้สึกว่ายังดีได้อีกคือความตื่นเต้น ความลุ้น รวมไปถึงฉากแอคชั่นต่างๆ ที่ยังไม่สุดมากนัก อย่างพวกอุปสรรคขวากหนามและภัยร้ายที่พวกตัวเอกต้องเผชิญนั้น ความตื่นเต้นเร้าใจยังไม่เต็มร้อย บางช่วงบางตอนก็แอบรู้สึกขัดๆ แหม่งๆ จุดหนึ่งเลยที่ตะหงิดใจคือตอนที่พวกตัวเอกต้องเจอกับฝูงปลามรณะที่มากันเป็นพันตัว ว่ายกันเต็มแม่น้ำไปหมด แต่พอมีตัวละครหนึ่งตกลงไปในน้ำ ปลาเป็นพันดันหายครับ ไม่รู้มันไปไหนกันหมด
ฉากนี้แทนที่จะลุ้นเลยกลายเป็นงงครับ ก็เมื่อกี้เห็นปลาว่ายกันจนน้ำกระเพื่อมอ้ะ แล้วมันไปไหนล่ะเนี่ย จากนั้นปลามันก็โผล่มาอีกทีตอนที่ตัวละครที่ตกน้ำนั่นว่ายถึงแพแล้วกำลังจะเอาขาขึ้น แล้วก็โผล่มาไล่งับแบบเฉียดๆ คือเป็นปลาที่รู้คิวมากครับ รู้ว่าตอนไหนควรงับหรือไม่งับ คือมันเป็นอะไรที่ไม่เนียนเท่าไรน่ะครับ
แล้วหนังก็อยู่ในระดับประมาณนี้ไปจนจบน่ะครับ คือฉากเซ็ตไว้ดูดีดูได้อารมณ์ผจญภัย แต่จังหวะจะโคนด้านความลุ้นกลับไม่มาก ส่วนในแง่ดารานั้นก็ถือว่ากลางๆ ครับ แต่ละคนถือว่ากลางๆ ไม่เด่นนัก ยิ่งตัวเอกอย่างหูปาอีนี่ดูไม่เด่นแบบเกินคาด และที่ออกจะตะหงิดในใจคือเขาไม่ค่อยได้โชว์ความเป็นพระเอกสักเท่าไร อันนี้ก็คงต้องโทษบทน่ะครับที่ยังไม่แน่นเท่าที่ควร
แต่ก็มีประโยคที่ผมชอบนะ ตอนที่ปาอีพูดว่า “ความหวังก็คือความหวัง ไม่สำคัญหรอกว่าโอกาสจะเป็นศูนย์หรือเป็นร้อย” ก็เป็นอะไรน่าเก็บไปคิดอยู่เหมือนกัน
ก็ถือว่าผ่านมาแล้วผ่านไปครับ ใครที่ชื่นชอบหนังแนวผจญภัยหากจะลองลิ้มก็น่าจะได้ เพียงแต่ต้องเผื่อใจไว้เยอะหน่อย หลักๆ คือดูเพื่อเสพบรรยากาศหนังผจญภัยแบบมุดถ้ำน่ะครับ แต่ถ้าเป็นในเรื่องบทหรือการใช้สมองไขปัญหาอาจต้องทำใจไว้สักนิดนึง เพราะมันไม่เยอะน่ะครับ
ดาวครึ่งครับ
(5/10)