ผมมานั่งดู Murder Mystery อีกรอบเพื่อต้อนรับภาค 2 ครับ เอาเข้าจริงตอนดูรอบแรกนี่ผมเฉยๆ นะ แต่กลายเป็นว่าพอดูอีกรอบกลับรู้สึกเพลินมากขึ้น ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็น่าจะเพราะดูแบบพากย์ไทยนี่แหละครับ (รอบแรกจำได้ว่าตอนนั้นยังไม่มีแบบพากย์ไทยครับ)
พูดแบบไม่อ้อมค้อมเลยครับว่าผมชอบดูหนังพากย์ไทย ไม่ใช่เพียงเพราะมันฟังง่ายโดยไม่ต้องอ่านซับเท่านั้น แต่เพราะบ้านเรามีบุคลากรในการพากย์ที่เก่งๆ เยอะครับ พวกเขาสามารถพากย์ตัวละครนั้นๆ ให้เนียนไปกับเรื่องราวได้ ทำให้เราอินไปกับเนื้อหาได้ โอเคครับ เสียงพากย์น่ะสู้เสียงจริงไม่ได้หรอกในแง่ของอารมณ์แท้ๆ น่ะ แต่อาจเพราะผมโตมากับหนังพากย์ไทย คุ้นเคยกับภาษาและจังหวะจะโคนสไตล์พากย์ไทย เวลาดูหนังพากย์ทีไรก็เหมือนได้เจอเพื่อนที่คุ้นเคย – ยิ่งหนังฮาๆ นี่เหมือนได้เจอเพื่อนมายิงมุกใส่กันน่ะครับ เป็นอะไรที่มีความสุขอย่างยิ่งเลย
และสำหรับผมแล้วการดูหนังส่วนใหญ่ก็คือการพักผ่อน คือช่วงเวลาแห่งการเสพความบันเทิง และการดูแบบพากย์ไทยอันเป็นภาษาที่เราฟังมาแต่อ้อนแต่ออกนั้นมันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมๆ กับการดูหนัง – มันคือความสุขอย่างหนึ่งสำหรับผมครับ
ผมอยากขอชื่นชมนักพากย์ทุกท่านนะครับ รวมถึงทีมงานภาคส่วนต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับงานพากย์ ผมอยากขอบคุณ เพราะพวกท่านทำให้ผมมีความสุขมานาน เสียงของพวกท่านมีผลอย่างยิ่งต่อระดับความสุขของผมในการดูหนังสักเรื่องหนึ่ง
ส่วนที่พากย์แล้วไม่เวิร์กก็มีบ้าง โดยเฉพาะการโดดมาพากย์ของดาราที่ผมอยากขอความกรุณาเลยว่า พวกท่านควรลองฝึกพากย์กับตัวละครสมทบก่อนจะโดดมาพากย์เป็นตัวละครหลัก ไว้ชั่วโมงบินพอเหมาะ จับจังหวะได้ดีแล้วค่อยมาพากย์แบบเต็มตัวแบบนั้นน่าจะดีนะครับ – และโปรดพึงระลึกไว้ว่าหนึ่งการพากย์ของท่านจะติดกับหนังเรื่องนั้นไปอีกนานแสนนาน (หรือสำหรับบางเรื่อง มันอาจติดไปตลอดกาล) และทุกข์จะตกอยู่กับคนที่ชอบดูหนังเรื่องนั้นๆ และชอบดูแบบพากย์ไทย เขาก็ต้องทนดูงานชิ้นนั้นของท่านไป – อย่างผมนี่ก็หนึ่งในนั้นครับ มีหนังหลายเรื่องเลยที่ชอบ แต่ดูทีไรต้องทำใจทุกรอบ ^_^
ไปเรื่องอื่นซะไกล ขอกลับมาเรื่องหนังนะครับ สำหรับเรื่องนี้ก็ออกแนวฆาตกรรมเบาสมอง ช่วงต้นๆ ตอนปูพื้นแนะนำตัวละครหลัก นิค (Adam Sandler) และออเดรย์ (Jennifer Aniston) นั้นผมรู้สึกเรื่อยๆ ครับ ความน่าสนใจยังไม่เยอะเท่าไร มุกต่างๆ ก็ค่อนข้างเรื่อยๆ ยังไม่เข้าเป้านัก แต่พอเข้าโซนคดีฆาตกรรมผมว่าหนังน่าสนใจขึ้น ตัวละครที่แต่ละคนแสดงกันได้ดี ดูน่าสงสัยและดูชวนขำไปพร้อมๆ กัน ส่วนนิคกับออเดรย์ก็ดูเข้าขาฮากันมากขึ้น และบทสนทนาถกเถียงเพื่อไขคดีก็ถือว่าพอเหมาะครับ เป็นการผสมกลั้วกันระหว่างการจิกกัดสไตล์ผัวเมีย การจิกกัดสูตรนิยายแนวฆาตกรรม แล้วก็ผสมการเล่นมุกฮาหน้าตายสไตล์ Sandler ลงไปด้วย
ที่ชอบอีกอย่างคือโลเคชั่นครับ หนังไปถ่ายกันถึงอิตาลี ก็ได้วิวสวยๆ มาประกอบเรื่องราวแบบกำลังดี ไหนจะสถานที่สวยๆ อีกหลายแห่ง เรียกว่าหนังดูบวกมากขึ้นหลายขีดก็เพราะฉากสวยๆ นี่แหละ
ในแง่การไขคดีผมว่าใช้ได้นะ ปมก็ซับซ้อนพอประมาณ มีการสับขาหลอกตามสไตล์ แล้วหนังก็อาศัยความไวในการเดินเรื่องมาบังจุดโหว่ต่างๆ ทำให้เราเพลินไปกับการสืบสางตามปมไปจนจบ แล้วหนังก็ไม่ยาวจนเกินไปด้วย แค่ 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าๆ เลยไม่ค่อยน่าเบื่อ อีกทั้งตอนท้ายไคลแม็กซ์ไขคดีก็นำเสนอออกมาได้ดี มีลุ้นมีหลอกให้เร้าใจพอประมาณ
ก็ขอชมคนเขียนบทอย่าง James Vanderbilt และผู้กำกับ Kyle Newacheck ที่ปรุงและชงส่วนต่างๆ ออกมาได้ค่อนข้างโอเค แม้จะไม่ถึงกับเด็ดจัดๆ แต่ก็ตอบโจทย์บันเทิงได้ในระดับหนึ่ง
ดูได้เพลินๆ สำหรับหนังสืบสวนสไตล์ Whodunit แบบเบาๆ ครับ
สองดาวกว่าครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Crime, Mystery