Murder Mystery 2 กับการกลับมาป่วนอีกครั้งของคู่สามีภรรยานักสืบ นิค (Adam Sandler) และออเดรย์ (Jennifer Aniston) ที่หลังจากเรื่องในภาคที่แล้วพวกเขาก็ผันตัวมาเป็นนักสืบอาชีพ แต่ทำแล้วดันไม่รุ่งสักเท่าไร และล่าสุดพวกเขาก็ได้รับเชิญไปร่วมงานแต่งของมหาราชา (Adeel Akhtar) เพื่อนจากภาคที่แล้ว แต่ที่ไหนได้จากงานแต่งดันกลายเป็นคดีซ่อนเงื่อนขึ้นมาอีกจนได้
เป็นภาคต่อที่ดูเอาบันเทิงได้ครับ แต่ก็ดร็อปลงจากภาคแรกพอตัว ไปๆ มาๆ การดูภาคนี้ทำให้ผมรู้สึกบวกกับภาคแรกมากขึ้นนะ คือผมว่าจุดเวิร์กของภาคแรกคือบทสนทนาระหว่างนิคกับออเดรย์ โดยเฉพาะตอนถกเถียงเพื่อไขคดีและตีปริศนาต่างๆ ซึ่งนอกจากจะมีความฮาเจือผสมอยู่ในนั้นแล้ว ก็ยังมีการจิกกัดเสียดสีหยอกล้อสูตรสำเร็จของนิยายและหนังแนวฆาตกรรม ดังนั้นหนังเลยไม่พร่องในส่วนของความเป็นหนังสืบหาฆาตกรแบบ Whodunit
แต่ภาคนี้บทสนทนาระหว่างนิคกับออเดรย์จะออกแนวผัวเมียตีกันมากกว่าน่ะครับ ประเภทว่าบ่นกันไปบ่นกันมา อารมณ์บทสนทนามันเลยดูล้งเล้งวุ่นวาย เหมือนจะขายขำเป็นหลัก ในขณะที่ส่วนของการสืบคดี ตีประเด็นแบบภาคที่แล้วกลับไม่ค่อยมีสักเท่าไร
จริงๆ ตอนต้นๆ ถือว่าตั้งลำได้ไม่เลวนะครับ พอเกิดเรื่องปุ๊บต่อมนักสืบของนิคและออเดรย์ก็ทำงานทันที แต่ละคนพยายามจับประเด็นและสังเกตหลักฐานเงื่อนงำ ตอนแรกก็นึกว่าจะเข้าท่าอยู่แล้วเชียว แต่กลายเป็นว่าช่วงกลางๆ หนังลดดีกรีต่อมนักสืบของพวกเขาลง แล้วก็เร่งต่อมผัวเมียจับพวกเขามาตีกันแทน เลยทำให้ตอนกลางๆ หนังเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นและการผจญภัยก็พอเข้าใจน่ะนะครับว่าหนังพยายามใส่แอคชั่นใส่ฉากไล่ล่าลงมาให้ดูหวือหวา แล้วก็เป็นการยืดเรื่องให้ยาวออกไป – เพราะถ้าให้ตัวเอกไขคดีเร็วเกินไป เรื่องก็อาจจะจบเร็วเกิน – แต่พอเป็นแบบนั้นเสน่ห์ไขคดีแบบป่วนๆ แบบภาคแรกก็เลยหายไป
แล้วพอถึงตอนไคลแม็กซ์ก็เหมือนหนังเปลี่ยนโหมดน่ะครับ หลังจากวุ่นวายหนีตายกันจนหนำใจแล้ว (อีกนัยหนึ่งก็คือยืดเวลาได้มากพอแล้ว) หนังก็เข้าโหมดสรุปคดีพอดี ซึ่งคดีภาคนี้กลายเป็นว่าไม่ซับซ้อนครับ ภาคก่อนดูมีอะไรมากกว่า
โดยรวมแล้วภาคนี้จะไปเน้นเรื่องแอคชั่นไล่ล่ากันมากกว่าครับ ส่วนเรื่องการไขคดีไม่เด่นนัก ก็แอบเสียดายเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าดูได้ไหม ผมว่าก็ดูได้นะ เพลินๆ ขำๆ ดูเพื่อเสพความบันเทิงเป็นหลัก และพูดก็พูดเถอะว่าถ้ามีการทำตอนต่อออกมาอีก ผมก็พร้อมดูครับ เพราะจะว่าไปหนังไม่ได้แย่นะ เพียงแค่ไม่เด็ดจัดๆ เท่านั้น
ยอมรับว่าแอบคาดหวังอยู่หน่อยๆ เพราะหนังกำกับโดย Jeremy Garelick ที่เคยทำหนังตลกที่ผมชอบอย่าง The Wedding Ringer มาก่อน ซึ่งจริงๆ ผมว่าเขาคุมหนังได้ไม่เลวนะครับ เพียงแต่ตัวบทมันยังไม่แน่นพอเท่านั้นแหละ – อันนำมาสู่ความงงอีกหนึ่งต่อน เพราะภาคนี้ James Vanderbilt ก็กลับมาเขียนบทให้เหมือนเดิม แต่ความเข้าท่าแบบภาคหนึ่งกลับหายไปอย่างน่าเสียดาย
สองดาวครับ
(6/10)
มีอะไรอยากสปอยล์สักหน่อยครับ
ดูแล้วมันคิดขึ้นมาในหัว
เอาเป็นว่าใครไม่อยากรู้อย่าอ่านต่อนะครับ
จริงๆ พอจะเดาได้ตั้งแต่กลางเรื่องน่ะครับว่ามิลเลอร์ (Mark Strong) นั่นแหละที่เป็นคนทำ ยิ่งมุกแกล้งตายแล้วกลับมาทีหลังนี่เจอบ่อยแล้ว ซึ่งจริงๆ มันก็พอได้นะครับ เพียงแต่ใจมันก็คิดน่ะว่าบทมันยังไม่แน่นพอ แล้วจู่ๆ หัวมันก็ปะติดปะต่อคิดขึ้นมาเองเลยว่า ถ้าหนังเพิ่มเรื่องลงไปให้มีน้ำหนักมากกว่านี้ก็น่าจะดี
สิ่งที่ผมคิดก็คือ หนังน่าจะเพิ่มแรงจูงใจในการเป็นตัวร้ายของมิลเลอร์อีกสักหน่อย เช่น ให้การที่คู่สามีภรรยายอดนักสืบของเราทำงานนักสืบแล้วเกิดรุ่ง พอรุ่งมากๆ งานของมิลเลอร์เลยหดหาย ส่งผลให้มิลเลอร์ขาดรายได้ แล้วก็ต้องมารับจ็อบลักพาตัวมหาราชาเพื่อเงินอะไรประมาณนั้น
แล้วปมนี้ยังใช้พ่วงไปใส่ปมอื่นได้ด้วยครับ เพราะบอกตรงๆ ว่าการที่หนังภาคนี้ให้นิคและออเดรย์มาเม้งใส่กันมันไม่ออกรสเหมือนตอนที่พวกเขาถกกันเรื่องคดีแบบภาคแรก ดังนั้นแทนที่จะเป็นแบบที่หนังเป็น – คือให้นิคและออเดรย์ไม่เก่งจริงในเรื่องสืบสวนจนงานหด แล้วก็เอาแต่เม้งกันแบบผัวเมีย – ก็ให้เป็นว่าพวกเขาเก่งจริงๆ ไปเลย เก่งจนกระทบถึงมิลเลอร์ แล้วมิลเลอร์ก็เลยพยายามจัดฉากสร้างคดีให้นิคและออเดรย์สืบ แล้วก็แกล้งนิคและออเดรย์ให้เสียชื่อเสียงจนพวกเขาเกิดความไม่มั่นใจในการสืบของตนเอง จนพวกเขาเกิดปมในใจและไม่กล้าไขคดี (เพราะหลงคิดไปว่าตัวเองสืบคดีไม่เก่ง) ให้อันนี้เป็นปมตั้งต้นก่อนเข้าเรื่อง
แล้วจากนั้นก็ให้เหตุการณ์ลักพาตัวมหาราชาเป็นปมหลัก ให้เป็นว่าแต่ละการไขปม แต่ละการคิดวิเคราะห์คือแต่ละก้าวที่ทำให้นิคและออเดรย์กลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกรอบ – แล้วก็ค่อยเฉลยตอนท้ายว่ามิลเลอร์นี่แหละอยู่เบื้องหลังทั้งหมด นอกจากการลักพาตัวแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้พวกเขาไม่มั่นใจอีกหนึ่งเรื่อง อะไรแบบนี้เป็นต้น – ส่วนที่หักมุมอีกชั้นว่าน้องสาวทำก็คงเอาไว้ เป็นการหักมุมซ้อนหักมุม จุดนี้รับได้
ก็ว่าไปตามที่คิดครับ แต่ผมว่าแบบนั้นหนังน่าจะมีอะไรมากขึ้นนะ – แต่ก็นั่นแหละ หนังก็ทำออกมาในแบบที่เป็นนั่นแหละ ก็ต้องยอมรับกันไป
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Crime, Mystery