รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Sealed with a Kiss: Wedding March 6 (2021) จูบนี้ไม่มีลืม เดินขบวนวิวาห์ 6

Untitled09103

ไปๆ มาๆ ผมกลายเป็นแฟนประจำของหนังชุดนี้ไปแล้วครับ ถามว่าชอบมากไหมก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ แต่ดูแล้วรู้สึกดี มีความสุข สนุกเป็นพักๆ ครั้นพอดูจนถึงบทสรุปในภาคนี้ก็อดใจหายไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ดีใจครับที่คู่รักทรหดคู่นี้ได้เข้าประตูวิวาห์กันสักที

Sealed with a Kiss: Wedding March 6 คือภาคที่ 6 ของหนังชุดนี้ครับ อันนี้ขอเกริ่นก่อนสำหรับคนที่ไม่รู้จัก The Wedding March เป็นอีกหนึ่งหนังรอมคอมของ Hallmark ที่ภาคแรกถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากครับ วันที่หนังฉายนั้นมียอดคนดูกว่า 2.3 ล้านคน แล้วยังมีแฟนๆ ตามไปคุยถึงหนังเรื่องนี้กันใน Twitter อีก จากการตอบรับที่สวยงามหนังเลยได้สร้างต่อมาอีกหลายภาค

เนื้อเรื่องหลักว่าด้วยความรักระหว่างมิค เทอร์เนอร์ (Jack Wagner) และโอลิเวีย เพิร์ชชิ่ง (Josie Bissett) ที่ทั้งสองเคยเป็นแฟนกันตอนเรียน แต่พอดีตอนนั้นมิคตั้งวงดนตรีแล้วเกิดดังจนต้องเดินสายออกทัวร์ ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องเลิกรากันไป ทีนี้พอเวลาผ่านไปหลายสิบปีพวกเขาก็ได้มาเจอกันอีก แล้วถ่านไฟเก่าก็คุขึ้นมาอีกครั้ง ณ รีสอร์ทวิลโลว์ เลค อินน์ที่มิคเป็นเจ้าของอยู่

แต่ละภาคนอกจากจะเล่าถึงสายใยรักระหว่างมิคและโอลิเวียแล้ว ก็จะมีพล้อตรองเป็นเรื่องของคู่รักที่เลือกรีสอร์ทแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานแต่ง ซึ่งก็ก่อให้เกิดทั้งเรื่องสุข เรื่องเศร้า เคล้าน้ำตาและเสียงหัวเราะ

สำหรับภาคนี้ ความรักของมิคและโอลิเวียกำลังสุกงอมแบบสุดๆ แล้วครับ หลังจากมิคขอเธอแต่งงานเมื่อตอนจบของภาคก่อน ภาคนี้พวกเขาก็หมายมั่นจะจัดงานแต่งของตัวเองสักที แล้วก็พอดีที่มีดาราดังอย่างเคิร์ต ซิมส์ (Nathan Witte) ขอมาจัดงานแต่งแบบเงียบๆ ระหว่างเขากับ ออทัมน์ เดวิส (Caitlin Stryker) นักเขียนสาวที่อยากให้ชีวิตเรียบง่าย

แต่ก็พอเดาได้น่ะนะครับ แม้พวกเขาจะอยากจัดงานเงียบแค่ไหน แต่สุดท้ายสื่อก็ต้องรู้ อันส่งผลให้งานเงียบๆ เริ่มขยายขนาดเป็นงานใหญ่ขึ้นตามลำดับ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลให้เกิดรอยร้าวระหว่างเคิร์ตและออทัมน์จนได้ – แล้วมิคกับโอลิเวียก็ต้องโดดเข้ามาช่วยพวกเขาปรับความเข้าใจกันตามระเบียบ

Untitled09105

ปกติผมจะเพลินกับหนังชุดนี้นะครับ เพราะแต่ละภาคมันก็จะเดินเรื่องแบบอบอุ่นน่ารัก ว่าด้วยการปรับตัวเข้าหากันหรือแก้ปัญหาคาใจระหว่างคู่รัก อารมณ์มันจะค่อนข้าง Feel Good แต่สำหรับภาคนี้ว่าตามจริงแล้วผมไม่ค่อยเพลินเท่าไรในช่วงครึ่งแรกของเรื่อง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเรื่องราวในหนังมันเต็มไปด้วยความวุ่นวายครับ ปัญหาในงานแต่งของเคิร์ตกับออทัมน์นั้นมันมีเยอะเหลือเกิน แล้วบางปัญหาก็ชวนให้หงุดหงิด โดยเฉพาะการที่พวกเขาไม่สามารถจัดงานแต่งแบบเป็นตัวของตัวเองได้ ต้องโดนสื่อรุมทึ้ง หรือไม่ก็มีปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจแบบไม่ทันคิดของบางตัวละคร จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสับสนว่าควรจะแต่งกันต่อไปไหม

ครับ ตอนแรกๆ ผมรู้สึกไม่เพลินเท่าไรกับการเล่าเรื่องในส่วนนี้ แต่พอดูจนถึงช่วงหลังก็พยายามมองอีกมุมครับ มองว่าภาพความรักที่วุ่นวายระหว่างเคิร์ตกับออทัมน์นั้น สะท้อนให้เราเห็นว่า ถ้ามิคและโอลิเวียยังคงคบกันอยู่เมื่อสมัยก่อนตอนที่มิคกำลังดัง พวกเขาก็อาจเจอปัญหาแบบเดียวกันนี้ก็ได้ และอาจไม่เข้าใจกัน ขัดแย้งกัน จนสุดท้ายก็ต้องแยกทางกัน

มิคเองก็ยอมรับกับเคิร์ตครับ ว่าเขาเองก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีอยู่เหมือนกันกว่าจะเข้าใจหลายๆ เรื่องที่เขาเข้าใจในตอนนี้ และเขาก็พยายามสรุปความเข้าใจที่เขามี เอาไปบอกกับเคิร์ต เพื่อย่นย่อเวลาให้คู่ของเคิร์ตและออทัมน์ – ในที่สุดแล้วความวุ่นวายของคู่เคิร์ตและออทัมน์ ก็มีส่วนช่วยทำให้คู่ของมิคและโอลิเวียมีความรักที่แข็งแกร่งขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น – อะไรเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกบวกต่อหนังมากขึ้นพอสมควร

ตอนแรกก็หวั่นๆ ครับว่าเราจะผิดหวังกับภาคนี้ไหม ถ้าดูจากครึ่งแรกก็เกือบๆ นะ ยอมรับเลยว่าค่อนข้างหงุดหงิดกับการตัดสินใจที่ไม่เข้าท่าของเคิร์ตในหลายๆ วาระ (จนถึงขั้นว่าถ้าออทัมน์ตัดสินใจจบความรักผมก็ไม่แปลกใจล่ะครับ) แต่อาจเพราะดูหนังชุดนี้มาจนจับทางและเข้าใจสื่อสาระบางอย่าง พร้อมทั้งพยายามปรับมุมมอง เลยยังพอจะโอเคกับมัน และกลายเป็นรู้สึกดีกับหนัง แม้จะไม่ถึงกับชอบมากๆ แบบภาค 3 กับ 5 แต่ก็อยู่ในข่ายโอเค

ดาราในเรื่องแสดงกันได้ดีครับ โดยเฉพาะ Kyle Warren ในบทฌอน ประชาสัมพันธ์ของเคิร์ตที่ตอนแรกนึกว่าจะมาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย (เพราะปกติตัวละครแบบนี้มักเป็นตัวร้ายทำลายความรัก) แต่กลายเป็นว่าตัวละครนี้ทำทุกอย่างเพื่อให้คู่ของเคิร์ตและออทัมน์สมหวัง กลายเป็นตัวละครที่น่ารักไปเลยล่ะครับ

แล้วพอเรื่องของเคิร์ตและออทัมน์ลงเอยด้วยดี ก็ถึงเวลาของคู่มิคและโอลิเวียครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การตามดูมาหลายภาค เพราะฉากที่พวกเขาแต่งงานกันในรีสอร์ทนั้น เป็นฉากงานแต่งที่สวยที่สุดในบรรดาฉากงานแต่งทั้งหมดใน Wedding March ทั้ง 6 ภาค สวยจริงครับ โรแมนติกจริง ถึงขั้นประทับใจเลยทีเดียวแหละ – และแน่นอนว่าหนึ่งในของดีของหนังชุดนี้คือวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่หนังจับภาพมานำเสนอครับ นอกจากวิวริมทะเลสาบที่สวยสุดๆ แล้ว ก็ยังมีอีกหลายวิวที่ถือว่าเสริมอารมณ์ให้หนังได้ดี อย่างตอนที่เคิร์ตกับออทัมน์ปรับความเข้าใจกัน ป่า ณ ที่ตรงนั้นจัดว่าสวยไม่น้อยทีเดียว

Untitled09104

แต่ถ้าจะมีอะไรให้เสียดายก็คงเป็นว่า ในฉากงานแต่งของมิคและโอลิเวียนั้น ไม่มีตัวละครหลักๆ จากภาคก่อนอย่างจูลี่ (ลูกของมิค), เกรซ (ลูกของโอลิเวีย) และที่สำคัญที่สุดเลยคือดุ๊ค เพื่อนซี้ของมิคที่ลุ้นความรักคู่นี้มานานตั้งแต่สมัยเรียน ตัวละครเหล่านี้ไม่ได้โผล่มาครับ แต่หนังก็พยายามแก้เก้อโดยการใส่บทสนทนาอธิบายลงไปว่าเดี๋ยวพวกเขาจะมาหลังงาน มาช่วงดึกอะไรประมาณนั้น – ก็เข้าใจในความพยายามครับ แต่ก็เสียดายอยู่ดี

ส่วนตัวละครเก่าๆ ที่มาโผล่ภาคนี้ก็มี นอร่า (Susan Hogan) แม่ของโอลิเวีย และจอห์นนี่ (Serge Houde) แล้วก็มีตัวละครใหม่อย่าง เจมส์ (Christopher Rosamond) น้องของมิคใส่ลงมา และหนังยังใส่ฉากรำลึกความหลังจากภาคก่อนๆ ลงมาอีก ก็ถือว่าพอชดเชยอารมณ์ได้ในระดับหนึ่งครับ

หนังชุดนี้กว่าจะได้ดูจนครบก็ต้องควานหาไม่ใช่น้อย ผมดู 2 ภาคแรกจากช่อง Paramount แล้วก็ดูภาคอื่นๆ จาก HBO Go (ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ภาค 6 ภาคเดียว) ก็ไม่รุ้เหมือนกันครับว่าที่อุตส่าห์ร่ายมานี่หากใครเกิดอยากดูขึ้นมาแล้วจะไปหาที่ไหน แต่อย่างไรก็อยากบันทึกบอกเอาไว้ครับ เผื่อสตรีมมิ่งไหนเอาเวียนมาลงอีกในอนาคตจะได้ลองตามดูกัน เผื่อจะชอบ

ผมดีใจนะครับที่ดูหนังชุดนี้จนครบ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่มีความสุข ยอมรับครับว่านี่อาจไม่ใช่หนังชุดรอมคอมที่เด็ดสุดของ Hallmark แต่ด้วยความที่ทำออกมาหลายภาค พอเราตามดูหลายตอนเข้าก็เลยรู้สึกผูกพันไปกับตัวละคร บางช่วงนี่ถึงขั้นรู้ใจเลยว่าเดี๋ยวมิคต้องทำแบบนี้ เดี๋ยวโอลิเวียต้องทำแบบนั้น – กลายเป็นสนิทกับพวกเขาไปเลยน่ะครับ

แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่อยากระบายเล็กๆ นะครับ คือผมปวดตับกับการตั้งชื่อไทยของ HBO มากเลยน่ะ คือเขาตั้งชื่อหนังเรื่องนี้ว่า “เดินขบวนวิวาห์” คาดว่าคงเป็นการแปลแบบตรงตัวมากจากคำว่า Wedding March ซึ่ง Wedding คือ วิวาห์ และ March คือการเดินขบวน คือพี่แปลตรงมากไปนิดไหมครับเนี่ย (5555) – แต่โอเคตรงชื่อตอนที่แปล Sealed with a Kiss ได้ว่าจูบนี้ไม่มีลืม อันนี้โอเคครับ ได้อยู่

ในฐานะที่ตามดูหนังเรื่องนี้มา 6 ภาคแล้ว ขอถือวิสาสะตั้งชื่อไทยให้หนังชุดนี้ว่า “รีสอร์ทนี้มีรัก” แล้วกันครับ

เอาเป็นว่าใครชอบหนังรอมคอมก็ลองดูได้ครับ แต่ถ้าใครไม่เคยดูภาคที่แล้วๆ มาก็อาจไม่รู้สึกอิ่มแบบที่ผมอิ่มก็ได้ ดีไม่ดีอาจรู้สึกขาดๆ เกินๆ กับเรื่องรักวุ่นๆ ของเคิร์ตและออทัมน์ด้วย ส่วนใครที่ตามดูมา 5 ภาคแล้วแบบผม ก็ขอให้ปรับใจเผื่อใจไว้นิดนึงครับ มันอาจไม่ใช่บทสรุปลงเอยเรื่องราวที่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสวยงามในระดับหนึ่ง

สองดาว ยังได้อยู่ครับ

Star21

(6/10)