กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ (Andrew Cooper) แห่งประเทศซานเซโนวากำลังประสบปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ในช่วงวันคริสต์มาส และแล้วการมาของเคที่ (Merritt Patterson) อดีตนักสเกตสาวที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักออกแบบท่าสเกตซึ่งแวะมายังประเทศนี้พอดี ก็กำลังจะช่วยนำพาชีวิตชีวาที่หายไปจากพระราชวังแห่งนี้ให้ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
Christmas at the Palace มาพร้อมโครงเรื่องแบบคิงเย็นชากับแม่สาวอารมณ์ดีครับ ฝ่ายชายก็ออกแนวนิ่งๆ ไม่ค่อยสนใจคนอื่น จนกลายเป็นดูเย็นชาไป ส่วนนางเอกก็เป็นคนประเภทรักในวันคริสต์มาสซ้ำยังมองโลกเชิงบวก พอพวกเขามาเจอกันก็เลยนำมาสู่เรื่องโรแมนติกเบาสมองที่ดูได้เพลินๆ
จริงๆ หนังถือว่าโอเคเลยครับ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้ผู้กำกับ Peter Hewitt รายนี้ถือเป็นหน้าเก่าสำหรับผมเพราะเคยทำ Bill & Ted’s Bogus Journey, Tom and Huck, The Borrowers และ Garfield ภาคแรก ซึ่งแม้เขาจะไม่ถึงกับเป็นยอดฝีมือ แต่ก็ถือว่าทำหนังได้ไม่เลว อย่างการร้อยเรียงเรื่องราวในหนังนี่ถือว่าทำได้พอเหมาะ
ของชอบอย่างต่อมาคือคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องถือว่าครบสูตรพอสมควร นอกจากพระ-นางที่มาพร้อมความต่างแล้ว ก็ต้องมีตัวละครเด็กมาเสริมความน่ารักและอ่อนโยน ซึ่งก็ได้แก่เจ้าหญิงคริสติน่า (India Fowler) พระราชธิดาของอเล็กซานเดอร์ที่ค่อนข้างเก็บตัวและไม่เข้าสังคม แต่พอดีเธอรักการสเกตครับ เลยได้มาเจอกับเคที่ และเคที่ก็ช่วยสอนทั้งเรื่องสเกตลีลาและวิชาชีวิตให้กับเธอ
แล้วก็ยังมีคู่รักคู่รองอย่างนิโคลัส (Nicholas Banks) คนสนิทของอเล็กซานเดอร์และเจสสิก้า (Brittany Bristow) เพื่อนซี้ของเคที่ที่แอบมองกันไปมาจนในที่สุดก็รักกัน คู่นี้ถือว่าเพิ่มความโรมานซ์ให้กับหนังได้แบบเนียนๆ ครับ เป็นคู่ที่น่ารักดี และอีกคนที่ลืมไม่ได้คือเสด็จป้าแพทริเซีย (Geraldine Fitzgerald) ที่คอยห่วงใยใครต่อใครในวังอยู่ตลอดๆ
ดาราเล่นกันดีครับ ตัวละครแต่ละรายก็มาพร้อมรายละเอียดและปูมหลัง พระเอกก็มีอดีตอันปวดร้าว ส่วนนางเอกก็มีปมเรื่องเคยมีอาการบาดเจ็บจนต้องอำลาวงการสเกตไป หนังค่อยๆ เผยปมของแต่ละคนพร้อมทั้งความคิดและตัวตนผ่านบทสนทนาทำให้หนังน่าติดตามเรื่อยๆ ครับ ดูดาราแสดงไป ดูตัวละครมีชีวิตชีวาและค่อยๆ หันหน้าเข้าหากันไป ยอมรับเลยว่าหนังทำออกมาได้น่ารักสมกับเป็นหนังวันเคริสต์มาส – อาจจะไม่ได้กลมกล่อมสุดยอด แต่ก็ถือว่าเข้าท่าน่าพอใจ
แต่กระนั้นก็มีที่แอบเสียดายเหมือนกันครับนั่นคือช่วงท้ายที่หนังรวบรัดลงเอยไปสักหน่อย ที่สำคัญคือหนังเลือกที่จะจบโดยรวบมาโฟกัสที่ตัวพระนางเพียงอย่างเดียว ทำให้ตัวละครอื่นๆ ที่เป็นสีสันมาตลอดกลายเป็นบทหายไปหมด อีกอย่างคือปมต่างๆ ที่อุตส่าห์ปูไว้ บทจะคลายก็คลายแบบง่ายๆ เลยทำให้อารมณ์ตอนท้ายยังไม่อบอุ่นครบเครื่องอย่างที่ควรจะเป็น
โดยรวมแล้วก็ถือเป็นหนังรักวันคริสต์มาสที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ ช่วงครึ่งค่อนแรกถือว่าทำได้ดี แต่มาแผ่วเอาตอนท้ายนี่แหละ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Christmas Movies, Drama, Romance