อะมีเลีย ฮิวจ์ส (Tori Anderson) นักพัฒนาแอปชอปปิ้งที่โปรเจคท์ล่าสุดของเธอกลับไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่คิดไว้ แล้วแฟนก็ยังมาบอกเลิกอีก อะมีเลียจึงหมดพลังครับ เธอเลยตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมคุณลุงแฮร์รี่ (Steven Weber) ที่เมืองคริสต์มาสครี้กเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะได้พักฟื้นจิตใจที่อ่อนล้า
ผมชอบ Return to Christmas Creek ครับ ดูรอบแรกแล้วชอบ ก่อนจะดูซ้ำอีกรอบ ผลปรากฏว่าก็ยังชอบเหมือนเดิม ก็ต้องบอกก่อนครับว่าหนังไม่ได้สุดยอดถึงขั้นห้ามพลาด แต่ถือเป็นหนังรัก Feel Good วันคริสต์มาสที่ทำได้เข้าท่าเรื่องหนึ่ง
อย่างแรกเลยที่ชอบคือเรื่องบทครับ ยอมรับเลยว่าบทมีรายละเอียดเยอะพอตัว คือไม่ได้เอาแต่เน้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างพระ-นางเพียงอย่างเดียว แต่มันมีปมปลีกย่อย เช่นการที่แอปของอะมีเลียถูกปฏิเสธนั้นก็เพราะเจ้านายมองว่าแอปของเธอขาดจิตวิญญาณวันคริสต์มาส เธอก็เลยเกิดคำถามว่า “แล้วจิตวิญญาณคริสต์มาสมันคืออะไรล่ะ?” แล้วก็แน่นอนว่าเธอจะได้เจอกับคำตอบในภายหลัง
หรือปมเกี่ยวกับครอบครัว อย่างอะมีเลียนี่จะเป็นคนที่ไม่ชอบฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับครอบครัวเพราะเธอมีปมครับ ประมาณว่าพ่อของเธอและลุงแฮร์รี่เคยผิดใจกันใหญ่โต จนไม่มองหน้ากันมาตั้งหลายสิบปี เธอเลยห่างเหินจากการรวมญาติและไม่เห็นความสำคัญของครอบครัว ดังนั้นการกลับไปหาคุณลุงก็ทำให้เธอเข้าใจปมขัดแย้งของคนรุ่นพ่อ และยังมีโอกาสได้เป็นกาวใจให้พวกเขาในเวลาต่อมา – และยังทำให้เธอเข้าใจตนเองในบางมุมมากขึ้นอีกด้วย
ทุกตัวละครมาพร้อมมิติและปมส่วนตัวครับ อย่างลุงแฮร์รี่เองก็มีปมเรื่องความรักที่ไม่สมหวังเมื่อวันวาน, ไมค์ รักเกิลส์ (Stephen Huszar) พระเอกของเรื่องก็มีปมในใจเรื่องที่เคยแอบชอบอะมีเลีย, พาเมล่า (Kari Matchett) อดีตคนรักของลุงแฮร์รี่ก็มีความหลังฝังใจเช่นกัน หรือสาวน้อยสเกาท์ (Lyla Elliott) หลานตัวน้อยของไมค์ รายนี้ก็นับวันรอพ่อของเธอที่เป็นทหาร รอวันที่เขาจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับเธอและแม่อีกครั้ง
หนังเดินเรื่องไปข้างหน้าแบบที่มีปมต่างๆ ขับเคลื่อนไปตลอดครับ ตามปกติแล้วถ้าหนังเรื่องไหนเนื้อหาโล่งๆ หน่อยบทสนทนาก็จะดูเรื่อยๆ ตัวละครมักจะคุยกันแบบสัพเพเหระ หรือไม่ก็เอาแต่แซวกันไปมา ไม่มีประเด็นอะไรชัดเจน แต่กับเรื่องนี้นี่แต่ละช่วงที่ตัวละครสนทนากันจะแทรกไว้ด้วยเรื่องราวต่างๆ อยู่ตลอด ทำให้ทุกครั้งที่พวกเขาเอ่ยปากจะทำให้คนดูอย่างเราๆ รู้จักตัวละครนั้นเพิ่มขึ้น ได้รู้เรื่องราวมากขึ้น อะไรเหล่านี้ทำให้หนังมีทิศทางและชวนให้ติดตามไปตลอดจนจบ
ส่วนดาราในเรื่องก็ถือว่าแสดงกันได้เหมาะครับ รายที่ดูเด่นดูดีต้องยกให้ Weber (The Shining ฉบับทีวี) ที่แสดงเป็นคุณลุงได้น่ารัก ดูจริงใจแต่ในขณะเดียวกันก็ดูออกว่าเขาปมบางอย่างในใจไม่ว่าจะเรื่องน้องชายที่ห่างเหินหรือเรื่องคนรัก ส่วน Anderson ก็ลื่นไหลไปกับบทครับ ยามห่อเหี่ยวก็ดูเหมือนตัวฟีบลงๆ แต่พอรู้สึกดีขึ้นมาสีหน้าก็สดใสแบบชัดเจน ในขณะที่ Huszar พระเอกของเราก็ดูสมาร์ทมาดแมน เพียงแต่ดูเหมือนบทจะไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรมากนัก นอกจากคอยให้กำลังใจนางเอกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
อีกคนที่ชอบคือ Matchett (ซีรี่ส์ 24 ปี 6) เธอทำให้บทพาเมล่าดูมีมิติ เป็นสาวแกร่งที่ชอบทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี และก็ยังดูมีเยื่อใยกับแฮร์รี่อยู่ – ผมชอบที่อะมีเลียเลือกที่จะไปปรึกษากับเธอในตอนท้ายน่ะครับ ยิ่งตอนเธอพูดว่า “การรักคนในครอบครัวฮิวจ์สน่ะ มันไม่ง่ายเสมอไปหรอกนะ” มันสื่อเลยน่ะครับว่าเธอเข้าใจคนในครอบครัวนี้มากขนาดไหน – ไม่มีใครเหมาะจำให้คำแนะนำเกี่ยวกับคนในครอบครัวฮิวจ์สมากไปกว่าเธอแล้วล่ะ
ผมยังชอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในหนัง อย่างเรื่องกิจกรรมฟลายบายซานต้า ที่คุณลุงแฮร์รี่หมั่นทำอยู่ทุกปี หรือการสรุปลงท้ายเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณวันคริสต์มาสที่ผ่านประโยคที่ว่า Being Present rather than Giving Presents อันเป็นการเล่นกับคำว่า Present ได้อย่างน่ารักและเปี่ยมความหมายทีเดียว
โดยรวมหนังถือว่าทำออกมาได้น่ารักครับ ดูเพลิน ได้อารมณ์ Feel Good เนื้อเรื่องมีรายละเอียดทำให้หนังน่าดู แต่ถ้าถามว่าหนังยังขาดอะไร ก็คงเป็นลูกเล่นน่ะครับ การเดินเรื่องอาจจะทื่อๆ ซื่อๆ เรียบๆ ไปบ้างตามสไตล์หนังทีวี ไม่ค่อยมีอารมณ์ขันสนุกๆ หรือตัวละครขโมยซีน หรือการขยี้ปมหรือปรุงรสให้สถานการณ์มันเข้มข้น ถ้าได้อะไรเหล่านี้เพิ่มเข้ามาล่ะก็ หนังจะครบเครื่องถึงรสมากขึ้นแน่ๆ
สองดาวใกล้ครึ่งครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Christmas Movies, Drama, Romance