เหตุเกิด 42 เดือนหลังจากปี 6 (หรือ 65 วันหลังจากหนังภาคพิเศษ ตอน Redemption) คราวนี้แจ็ค บาวเออร์ (Kiefer Sutherland) กลับถูกสอบสวนจากทางการครับ ประมาณว่าปีที่แล้วๆ เขาได้ใช้ความรุนแรงระหว่างปฏิบัติการไปหลายรอบ จนท่านวุฒิสมาชิก แบลน เมเยอร์ (Kurtwood Smith) ที่ต่อต่านความรุนแรงเสมอมาจับบาวเออร์มาขึ้นศาลหวังเอาผิด
แต่แล้วก็เกิดเหตุขึ้นครับ เมื่อมีใครบางคนพยายามทำลายระบบไฟร์วอลล์ฐานข้อมูลของรัฐ ทำให้แจ็คถูกตามตัวไปเพื่อแก้สถานการณ์ แต่ก็ตามสูตรล่ะครับ ว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มเท่านั้น เจ้าวายร้ายตัวจริงนั้นยังมีแผนร้ายอื่นๆ รออยู่ การทำลายไฟร์วอลล์นี่เด็กๆ ครับ เพราะแผนที่มันจะทำหลังจากนั้น มันร้ายแรงชนิดที่สะเทือนไปถึงทำเนียบขาวได้เลยทีเดียว
ปีนี้ผมว่ามันส์นะครับ ผมชอบกว่าปีก่อนไม่ว่าจะการเดินเรื่องที่ถือว่าเร่งเร้าพอเหมาะ การวางปมก็น่าติดตาม และที่สำคัญคือแผนแต่ละอย่างของวายร้ายนั้นจัดว่า “ใหญ่” และก่อให้เกิดสถานการณ์ลุ้นๆ ได้หลายครั้ง รวมไปถึงพล็อตหักมุมก็จัดว่าได้ผลไม่น้อย อาจไม่ถึงกับอึ้งทึ่งงง แต่ก็ชวนให้เราสนุกไปกับเรื่องราวได้
อีกจุดที่เข้าท่าคือหนังมาพร้อมเงื่อนไขชวนให้เราลุ้นได้ในหลายตอน อย่างการปฏิบัติการของแจ็คครั้งนี้ก็ไม่ได้ง่ายอีกต่อไป เพราะไม่มี CTU ครับ การจะหวังพึ่งเทคโนโลยีแบบคราวก่อนๆ นี่กลายเป็นเรื่องยากไปเลย (ในช่วงแรกๆ) ซึ่งเจ้าโจทย์พวกนี้ทำให้ความเข้มข้นของเรื่องราวมีมาขึ้น เพราะยิ่งพระเอกและพรรคพวกเจออุปสรรคแค่ไหน เราก็ยิ่งมีอะไรให้ลุ้น อีกทั้งยังทำให้เราผูกพันกับตัวละครหลักๆ ในปีนี้มากขึ้นด้วย ดังนั้นช่วงไหนที่พวกเขาเจอเรื่องคอขาดบาดตายก็ทำให้เราใจหายอย่างได้ผลเหมือนกัน
ตัวละครหลักที่ยังคงเหนียวแน่นตามมาเผชิญชะตากรรมร่วมกับแจ็ค ก็นำโดย โคลอี้ โอ ไบรอันครับ (Mary Lynn Rajskub) ยังคงใช้ความเซียนด้านคอมช่วยแจ็คแบบเต็มเหนี่ยว, บิล บูแคนแนน (James Morrison) แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรอีกแล้ว แต่เขาก็ยังร่วมมือกับแจ็คในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย รวมถึงช่วยเหลือประเทศที่เขารักต่อไป ซึ่งบทของบิลในปีนี้ได้ใจผมเลยล่ะครับ เชื่อแล้วว่าเขาเกิดมาเพื่อ “เป็นหัวหน้าหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้าย” จริงๆ
ตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็เริ่มด้วยท่านประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐ (ในหนังนะครับ) นามว่าอลิสัน เทเลอร์ (Cherry Jones) เป็นประธานาธิบดีที่แกร่งมากอีกคนครับ แต่ละการตัดสินใจอีกทั้งแต่ละสถานการณ์ที่เธอเผชิญนั้นเป็นบททดสอบที่ทำให้เธอได้ใจคนดูไปในหลายๆ วาระ, เรเน่ วอล์คเกอร์ (Annie Wersching) FBI สาวที่ต้องตั้งคำถามว่าระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในกรอบแบบที่เธอทำเสมอมา กับการทำนอกกรอบแบบแจ็คนั้น อะไรกันแน่ที่เธอสมควรเชื่อถือ บทนี้ก็มาเพื่อสะท้อนอะไรได้ไม่น้อยครับ ไม่ว่าจะสะท้อนระบบ สะท้อนตัวแจ็ต หรือสะท้อนความเป็นคน
อีกบทที่น่าสนใจคือ สุภาพบุรุษหมายเลข 1 เฮนรี่ เทเลอร์ (Colm Feore) ถือว่าเป็นมุมที่น่าสนใจที่หนังใส่ลงไป เพราะปกติเขาจะมีแต่สุภาพสตรีหมายเลข 1 มาคอยห่วงใยสามีที่เป็นประธานาธิบดี แต่ครั้งนี้ ปธน. คือหญิงแกร่ง แล้วคนที่เป็นสามีเล่า เขาจะทำตัวอย่างไร ซึ่งการตัดสินใจหลายอย่างของเฮนรี่ก็ชวนให้คิดเหมือนกันครับว่ายังไงผู้ชาย เพศที่ถูกวางบทบาทให้เป็นผู้นำนั้นก็ยังคงมีพฤติกรรมที่อยากจะนำหรือทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาครอบครัวของตนไว้อยู่เสมอ แม้ตนจะไม่มีอำนาจบริหารประเทศ แต่ยังไงอำนาจดูแลครอบครัวก็ยังมี
และคำถามสำคัญก็คือ เมื่อถึงจุดหนึ่ง หากต้องเลือกระหว่างประเทศกับครอบครัวแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไร
อีธาน เคนนิน (Bob Gunton) ที่ปรึกษาในทำเนียบขาวที่มีบทบาทตั้งแต่ประมาณปี 5 ก็ยังกลับมาอีกครับ ซึ่งผมชอบตัวละครตัวนี้นะครับ แนวทางการคิดของเขาที่จะทำเพื่อรักษาประเทศโดยแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม ถือว่าน่าเก็บมาขบคิดไม่น้อย
ส่วนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าโคลอี้น่ารักขึ้น น่าจะเพราะมีการเพิ่มตัวละครที่ชื่อ เจนิส โกลด์ (Janeane Garofalo) ลงมา ซึ่งจะว่าไปเธอก็เหมือนโคลอี้สมัยแรกๆ น่ะครับ ชอบจับผิดทำหน้ามุ่ยและสร้างปัญหาอยู่บ่อยๆ ซึ่งการมาของบทนี้ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของโคลอี้อย่างชัดเจน ว่าเธอเปลี่ยนไป เธอทำงานเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักแยกแยะอะไรดีขึ้น
คนต่อมาที่ถือว่าเป็นตัวละครที่สร้างจุดเปลี่ยนให้เรื่องในปีนี้หลายครั้งก็คือ โอลิเวีย เทเลอร์ (Sprague Grayden) ลูกสาวของท่าน ปธน. สิ่งที่เธอทำนั้นได้สะท้อนอีกมุมหนึ่งของการที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้อำนาจที่มากมายขึ้นมาในมือ ซึ่งลองว่าขาดสติหรือขาดความยับยั้งชั่งใจแล้ว อำนาจนั้นอาจสร้างความเสียหายได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
อีกบทที่ขาดไม่ได้คือ แอรอน เพียร์ซ (Glenn Morshower) ตำรวจลับตงฉินที่อาจจะไม่ได้โผล่เยอะ และไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่ผมชอบในความตรงและการปฏิบัติหน้าที่ของเขาจริงๆ
จริงๆ ในปีนี้ยังมีดาราเก่งๆ มาร่วมแสดงอีกนะครับ แต่ขออุบไว้ไปดูเองดีกว่า บอกได้แค่ว่าคนเหล่านี้เล่นหนังโรงดียังไง มาหนังทีวีก็งัดฝีมือได้อย่างเยี่ยมเช่นกัน
เป็นอีกปีที่สนุกครับ ดูแล้วมันส์ใช้ได้ ลุ้นไม่เลว ดูแล้วเหนื่อยแทนนายแจ็คจริงๆ เจอเรื่องเยอะมาก ไคลแม็กซ์ก็มีหลายรอบเหมือนกัน ส่วนหนึ่งที่ปีนี้มันส์ก็คงเพราะมันมีจุดมันส์จุดไคลแม็กซ์หลายครั้ง แต่ละครั้งก็กำลังดีกำลังเหมาะ ซึ่งผมว่าทีมงานก็วางเรื่องได้ดีล่ะครับ ถึงทำให้เราตื่นเต้นได้เรื่อยๆ แบบนี้
ปีนี้เลยมันส์ระดับสามดาวกันไปครับ
(8/10)