ถือเป็นผลงานอีกเรื่องของ Nicolas Cage ที่อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าผลงานอื่นๆ ในอดีต แต่ก็ถือว่าพี่เขาได้แสดงฝีมือในระดับที่น่าพอใจครับ
หนังสร้างโดยอิงจากคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริงในแองเคอเรจ รัฐอลาสก้า ช่วงประมาณยุค 80 ในเวลานั้นมีคดีผู้หญิงหายตัวไปเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และหนึ่งในผู้หญิงเหล่านั้นก็คือซินดี้ พอลสัน (Vanessa Hudgens) ซึ่งเธอกล่าวว่าเธอโดนชายคนหนึ่งลักพาตัวไปกักขังหน่วงเหนี่ยวพร้อมทั้งกระทำชำเรา แต่เธอก็สามารถหนีมาได้ เธอจึงให้การกับตำรวจด้วยความหวังว่าจะเอาผิดผู้ชายคนนั้น แต่ทว่าหลักฐานที่เธอมีนั้นกลับไม่หนักแน่นพอที่จะเอาผิดเขาได้
แต่ยังดีครับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ็ค ฮัลคอมบ์ (Cage) เชื่อเธอและตั้งใจจะช่วยเธอในการลากตัวคนผิดมาลงโทษ แต่ก็แน่นอนล่ะครับว่ามันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคนร้ายก็มีวิธีการฆ่าคนและปกปิดหลักฐานแบบที่ยากจะตามรอยได้ง่ายๆ
ตัวหนังเป็นแนวดราม่าทริลเลอร์ครับ ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ยังดีได้อีก เรามาเริ่มจากดาราก่อนครับ เรื่องนี้เรียกว่าขนระดับมืออาชีพมาแสดงกันเยอะอยู่ ไม่ว่าจะ Cage, Hudgens, John Cusack, Dean Norris, Kevin Dunn, Radha Mitchell และ Kurt Fuller โดยเฉพาะ Cusack นี่ถือว่าพลิกมารับบทฆาตกรต่อเนื่องได้อย่างน่าเชื่อครับ เขาดูโหดแบบนิ่งๆ และดูเป็นคนประเภทเก็บงำอะไรบางอย่างไว้ในใจ ถือว่าเลือกมาได้เหมาะครับ ซึ่ง Cusack เองก็บอกเหตุผลการเลือกมาเล่นเรื่องนี้ว่าเป็นเพราะเขาเบื่อที่จะต้องเล่นหนังแนวรักโรแมนติกหรือหนังตลกแล้ว เลยตัดสินใจพลิกมารับบทฆาตกรต่อเนื่องเสียเลย
ส่วน Cage ก็แสดงได้ดีครับ มาดและท่าทางเขาดูแล้วทำให้เราเชื่อจริงๆ ว่าเขาคือตำรวจตงฉินที่อยากแก้คดีแม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม และเขาดูห่วงใยซินดี้จริงๆ แบบไม่ได้มีเรื่องชู้สาวมีเกี่ยวข้อง บางฉากเวลาเขามองซินดี้นี่แววตาสื่อถึงความอบอุ่นได้อย่างดีเลยล่ะครับ
สำหรับ Hudgens ก็แสดงบทนี้ได้ดีครับ เธอดูโทรมและดูเป็นผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนจริงๆ ว่ากันว่าจริงๆ แล้ว Brie Larson ก็เคยมาแคสบทนี้ครับ แต่การแคสรอบนั้นเธอเล่นใหญ่มากจนคนแคสเองยังรู้สึกกลัว เธอก็เลยไม่ได้บทไป
ดารานั้นดีครับ และถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือหนังน่าติดตามก็เพราะพลังดารานี่แหละ ในขณะที่เนื้อเรื่องนั้นจริงๆ ก็น่าสนใจนะครับ มันคือการไขคดีที่หลักฐานมีไม่มาก เลยต้องหาหลักฐานแบบเก็บเล็กผสมน้อย ซึ่งก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก (ในที่นี้ก็หมายถึงคนดูต้องอดทนด้วยน่ะครับ) เพราะการสืบสวนในเรื่องนี้มันจะไม่ได้เร้าใจหรือตื่นเต้นอะไร ในแง่หนึ่งมันก็สมจริงนะ เพราะในโลกแห่งการสืบสวนจริงๆ หลักฐานมันคงไม่ได้มาง่ายๆ หรือมาไวๆ แบบในซีรี่ส์ CSI เสมอไปหรอก แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้หนังค่อนข้างช้าและอืดครับ ดังนั้นบอกก่อนเลยว่าใครอยากดูหนังสืบสวนฉับไวและเร้าใจล่ะก็ เรื่องนี้ไม่น่าจะเหมาะกับท่านครับ
ผมเองก็ยังรู้สึกว่าหนังอืดช้าไปเหมือนกันครับ ถ้าหนังมีความกระชับฉับไวหรือมีการทิ้งปมตามปมที่ตื่นเต้นกว่านี้ก็คงจะดี เพราะดาราน่ะแสดงกันได้ดีอยู่แล้ว ถ้าบทเข้มข้นและเดินเรื่องเร้าใจล่ะก็ หนังจะต้องออกมาเด็ดมากๆ แน่นอน
หนังเขียนบทและกำกับโดย Scott Walker ที่ก่อนหน้านั้นเคยทำหนังสั้นมาก่อนเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องนี้คือผลงานเรื่องยาวเรืองแรกของเขา และจนถึงตอนนี้ (ปี 2020) ก็ยังเป็นผลงานเรื่องเดียวของเขาครับ คาดว่าคงเพราะเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ (ลงทุน $27 ล้าน ได้คืนมาประมาณ $5 ล้านจากทั่วโลกน่ะครับ)
แต่ถ้ามองกันในแง่ของหนังแล้ว นอกจากปัญหาความอืดช้าที่มี แต่อย่างอื่นๆ ก็ถือว่าโอเคครับ และพอดูจนจบแล้วผมก็ตระหนักเลยว่าเขามีความตั้งใจในการทำหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะตอน End Credits นั้นเขามีการแสดงความรำลึกถึงเหยื่อของโรเบิร์ต แฮนเซ่น ซึ่งการรำลึกที่ว่านี้ผมรู้สึกเลยว่าเขาตั้งใจที่จะนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ ตั้งใจที่จะให้ทุกคนจดจำผู้จากไป และการรำลึกที่ว่านี้ก็น่าจะเป็นความตั้งใจที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาทำหนังเรื่องนี้่ออกมา (ยอมรับว่าตอนดู End Credits ผมรู้สึกขนลุกเล็กๆ ครับ)
สรุปอีกทีว่านี่ไม่ใช่หนังสืบสวนที่เร้าระทึก (แบบ The Silence of the Lambs หรือ The General’s Daughter) และยังไม่ถึงกับเข้มข้น (แบบ Mystic River) ตัวหนังค่อนข้างจะอืดช้า ในแง่หนึ่งก็อาจเพราะผู้กำกับอยากให้โทนหนังมันดูนิ่ง (Freeze) และเย็นยะเยือกน่ะครับ แต่อาจจะหนักมือในส่วนนี้ไปหน่อยจนมันบั่นทอนความน่าติดตามลงในบางจังหวะ – ถ้าเร่งกว่านี้ได้อีกสักนิด หรือทิ้งปมได้เยอะกว่านี้สักหน่อย ก็น่าจะดี
โดยส่วนตัวแล้วผมว่าหนังเหมาะสำหรับคนที่เป็นแฟน พี่ Cage น่ะครับ เพราะในแง่การแสดงแล้วพี่เขาทำได้ดีทีเดียว
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Crime, Drama, Thrillers