Action

Tai Chi Hero (2020), จางซานฟง 2

Untitled05851

ภาคต่อของ Zhang Sanfeng: Peerless Hero ครับ ได้ Yichen Liu กลับมารับบทจางซานฟงอีกครั้ง โดยหนนี้เขาต้องรับมือกับมารยุทธภพรายใหม่ นั่นคือ ซิวหลัวมู่ ที่หมายจะควบคุมชาวยุทธด้วยโอสถวิเศษ (ที่แท้จริงแล้วมีพิษอันแสนจะร้ายกาจ) และมันยังต้องการไขความลับของหีบแปดทิศที่กล่าวกันว่ามีสุดยอดวิชาซ่อนไว้ภายในนั้น

พอดูจบแล้วผมก็ถามตัวเองว่าโอเคกับภาคนี้ไหม เพราะตอนดูจบใหม่ๆ นี่แอบอึนนิดๆ ครับ ต้องรวบรวมสติสักพักถึงจะนึกคำตอบได้ และผลก็คือผมรู้สึกชอบภาคแรกมากกว่าภาคนี้ครับ

ผมรู้สึกว่าภาคแรกแม้มันจะธรรมดาและตามสูตรก็เถอะ แต่ความธรรมดาที่ว่าก็ถือว่าธรรมดาแบบได้มาตรฐาน และสูตรที่ใช้ก็ถือเป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้หนังออกมาโอเค ดูได้แบบเรื่อยๆ เพลินๆ ในขณะที่ภาคนี้ ระหว่างดูนี่ผมรู้สึกตระหนักถึงความลำบากบางประการของคนคิดเรื่อง+เขียนบทครับ เพราะภาคนี้จางซานฟงของเรามีฝีมือในเลเวลที่ค่อนข้างสูงแล้ว ชนิดที่ว่าบรรดาลูกจ๊อกนี่ไม่มีทางทำอะไรเขาได้แน่นอน หรือต่อให้ระดับบอสก็เถอะ ก็ยากจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ เหมือนกัน

แต่หากเป็นแบบนั้นหนังก็จะไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย (แบบหนังพี่ Steven Seagal หลายๆ เรื่อง) บทก็เลยกำหนดให้พี่จางของเราโดนพิษครับ พลังฝีมือของเขาจะได้ลดลง เพื่อที่เวลาตีกับพวกลูกจ๊อกระหว่างทางจะได้พอสูสี ซึ่งผมเข้าใจในเหตุผลนะ แต่นั่นก็เท่ากับว่าดีกรีความมันส์ในการออกหมัดของพี่จางก็จะลดลงไปด้วย (เพราะเล่นท่ายากก็ไม่ได้ ได้แต่ท่าพื้นๆ) และพี่จางต้องหนีต้องถอยเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นคิวบู๊ระหว่างทางของภาคนี้เลยไม่มันส์เท่าภาคแรก

แล้วผมก็ตระหนักครับว่าภาคแรกนั้นผมชอบลีลาตวัดดาบของท่านเจ้าสำนักหลงเหมินนะ มันดูพลิ้ว ดูสวยงาม และดูมีพลัง แต่มาภาคนี้เราจะไม่ค่อยได้เห็นลีลาแบบนั้นน่ะครับ ส่วนมากที่เห็นเลยกลายเป็นพี่จางสู้ (แบบไม่เต็มที่) แล้วถอยอยู่ตลอด ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็ไม่ได้มีลีลาที่น่าสนใจ (สู้ท่านเจ้าสำนักหลงเหมือนเมื่อภาคที่แล้วไม่ได้เลยครับ) ดีกรีความน่าสนใจในเรื่องคิวบู๊เลยลดลง

จริงๆ หนังมีบทของนักดาบจากญี่ปุ่นใส่ลงมาครับ แต่ลีลาฟันดาบของเขาก็ดูธรรมดา เพราะในเรื่องนี้ชาวญี่ปุ่นฟันดาบแบบช้าๆ แข็งๆ ซึ่งดูไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ยิ่งถ้าใครเคยเห็นลีลามันส์ๆ ใน Rurouni Kenshin มาแล้วก็ยิ่งต้องทำใจครับ (แต่ส่วนมากหนังจีนก็จะตีความเพลงดาบของญี่ปุ่นแบบนี้เป็นเรื่องปกติครับ)

Untitled05850

ส่วนคิวบู๊ตอนไคลแม็กซ์ก็น่าสนใจขึ้นมาหน่อยครับ ได้สู้ได้ซัดกันในระดับที่โอเค เพียงแต่มันก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมายครับ เพราะตอนตีกับบอสใหญ่จริงๆ ก็สู้กันด้วยการเอาฝ่ามือมาประกบอัดพลังใส่กันมากกว่าจะเป็นการบู๊ด้วยไทเก๊ก

ผมว่าภาคแรกมันเพลินเพราะยังมีความโก๊ะของจางซานฟง (ตอนยังไม่เก่งไทเก๊ก) มาเป็นชูรสน่ะครับ เพราะพี่ท่านออกแนวจู้จี้ขี้บ่นและจ้องแต่จะหนีเพียงอย่างเดียว มันเลยมีอะไรให้ฮาอยู่เรื่อยๆ แล้วภาคนั้นยังได้ตัวลูกศิษย์มาคอยเป็นลูกคู่อีก แต่ภาคนี้พี่จางของเราเข้าโหมดขรึมไปแล้ว และยังติดพิษด้วย คาแรคเตอร์ของเขาเลยไม่ดูมีสีสันเหมือนคราวก่อน และรู้สึกเหมือนไหวพริบของเขาจะพลอยลดลงไปด้วย (อันทำให้เขาพลาดในเรื่องการระวังตัว) ก็พยายามคิดน่ะครับว่าคงเพราะติดพิษ กราฟความเก่งเลยลดลงหมด แต่พอเป็นแบบนั้นความสนุกมันเลยลดปริมาณลงตามไป

โดยรวมๆ แล้วผมเลยชอบภาคแรกมากกว่าครับ มันเพลินๆ เรื่อยๆ มีอารมณ์ขันแทรก มีคิวบู๊ดีๆ แทรกเป็นระยะ และคิวบู๊ก็มีความหลากหลาย ส่วนเรื่องนี้คิวบู๊จริงๆ ก็มาเป็นระยะเหมือนกันครับ แต่มันออกจะเดิมๆ เดิมเรื่อยไปจนถึงไคลแม็กซ์ที่ลีลาก็เดิมๆ คือมันรู้สึกเลยน่ะครับว่าลีลาของพี่จางนั้นมันเหมือนเดิม ออกหมัดแบบนั้น วาดหมัดแบบนี้ ฉากแรกๆ มาท่าไหน ฉากต่อไปก็ยังท่าเดิมๆ จนรู้สึกน่าสนใจน้อยลงตามลำดับ

ไม่เหมือนใน Ip Man ที่แม้อาจารย์ยิปจะใช้หย่งชุนตลอด แต่ท่ามันจะไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ซึ่งก็ขึ้นกับคู่ต่อสู้ด้วยที่จะมีกระบวนกท่าต่างกันไป ท่าหย่งชุนเลยต้องมีการพลิกแพลง หรือไม่ก็จะมีกิมมิคบางอย่างในฉากที่ทำให้บังเกิดท่าใหม่ๆ แต่กับเรื่องนี้มันเดิมมันซ้ำจนจับทางได้น่ะครับ อันนี้ก็พยายามมองว่าเป็นข้อจำกัดของทีมงานที่กำลังภายในอาจยังไม่ถึงระดับ

แต่ถ้าดูแบบไม่คิดมาก ก็ยังพอได้อยู่ครับ

สองดาวแบบเรื่อยๆ ครับ

Star21

(6/10)