Action

ยิปมัน 3 เปิดตำนานปรมาจารย์หมัดหย่งชุน (2010) The Legend Is Born – Ip Man

Untitiled05610

นี่คือยิปมันภาคเดอะ บีกินนิ่งครับ อำนวยการสร้างโดย Kwok Lam Sin หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง Ip Man ภาคแรก (ฉบับ Donnie Yen) แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถือว่าเป็นภาคแยกอย่างเป็นทางการ เพราะทีมงานคนอื่นๆ ที่ทำเรื่องนี้เป็นคนละชุดกับฉบับ Donnie Yen ครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากองค์ประกอบหลายๆ อย่าง รวมถึงสไตล์บางอย่างจะแตกต่างออกไป

หนังเล่าถึงยิปมันในวัยหนุ่ม (Yu-Hang To) ที่เข้าเรียนวิชามวยหย่งชุนจากสำนักจินอู่ตั้งแต่ยังเด็กพร้อมกับพี่บุญธรรม ยิปเทียนซือ (ฝานเส้าหวง) ครั้นพอโตขึ้นเขาก็มีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ฮ่องกง ที่นั่นเขาก็ได้เจอกับเหลียวปิ๊ก (ยิปชุน) ยอดฝีมือหย่งชุนอีกคนที่จริงๆ ก็สืบสายมาจากปรมาจารย์เหลียวจั่นเหมือนกัน เพียงแต่เขามีเรื่องผิดใจกับพี่น้อง เลยทำให้เหลียวปิ๊กตัดสินใจแยกตัวออกมาและค้นคิดวิชาหย่งชุนสายใหม่ ซึ่งก็พอดีที่ยิปมันได้เรียนจากเหลียวปิ๊กครับ เลยทำให้ยิปมันมีฝีมือก้าวหน้าและมีวิชาที่พลิกแพลงพลิ้วไหวมากกว่าเดิม

แต่ทีนี้พอยิปมันกลับไปที่สำนักและได้ลองใช้วิชาหย่งชุนสายของเหลียวปิ๊กก็ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่อย่างจุงซู (หยวนเปียว) ไม่พอใจ ในเวลาต่อมายิปมันยังถูกใส่ความ และไหนจะมีเรื่องการรุกรานของพวกญี่ปุ่นอีก ทั้งหมดนี้เลยเป็นเคราะห์กรรมที่ยิปมันต้องเผชิญครับ

นับว่าไม่เลวครับ ช่วงต้นๆ อาจจะดูเรื่อยๆ ไปบ้าง ตามสไตล์ของหนังจีนฮ่องกงที่เปิดมาก็จะเรื่อยๆ ไปกับการแนะนำตัวละครและพยายามตั้งลำเล่าเรื่อง หลายๆ อย่างก็อาจจะสะเปะสะปะสักหน่อย รวมถึงคิวบู๊ตอนต้นๆ ก็ยังไม่อะไรมาก เหมือนเซิฟๆ ก่อน เครื่องจะยังไม่หนักนัก แต่พอถึงช่วงที่เหลียวปิ๊กปรากฏตัว ความมันส์ก็จะเริ่มมาแล้วครับ ฉากประมือกันระหว่างยิปมันกับเหลียวปิ๊กนี่เป็นอะไรที่มันส์ใช้ได้ และคนที่มารับบทเหลียวปิ๊กนั้นก็คือยิปชุน ลูกของอาจารย์ยิปมันตัวจริง ดังนั้นลีลาของท่านเลยชวนให้ตื่นตายิ่ง

ก็ต้องรอหลังจากฉากนั้นล่ะครับ ความน่าสนใจถึงจะเริ่มมาแบบจริงๆ จังๆ ไม่ว่าจะคิวบู๊ที่เร้าใจมากกว่าตอนต้นๆ (ส่วนหนึ่งอาจเพราะตอนหลังๆ หมัดหย่งชุนเริ่มพลิกแพลง เลยดูตื่นตากว่าตอนแรกที่หมัดหย่งชุนมาแบบมาตรฐาน) แล้วก็ปมในเรื่องที่มีอะไรให้ติดตามมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องที่ยิปมันถูกลงโทษเพราะไปใช้กระบวนท่าของเหลียวปิ๊ก, เรื่องพวกญี่ปุ่นบุกมาพร้อมแผนร้าย ฯลฯ อะไรพวกนี้ทำให้หนังน่าติดตามมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับ Ip Man ฉบับ Donnie Yen ที่จะมีพลังดึงดูดมากกว่าและมีการเล่าเรื่องที่เข้มข้นกว่า

Untitiled05609

ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับลีลาการกำกับและเล่าเรื่องด้วยครับ เรื่องนี้คนกำกับคือ Herman Yau ครับ ซึ่งเขาก็คร่ำหวอดในวงการหนังฮ่องกงมานานปี (ทำหนังมาแล้วกว่า 70 เรื่องน่ะครับ – หนึ่งในผลงานที่หลายคนน่าจะจำได้คือ ซาลาเปาเนื้อคน ที่เขาร่วมกำกับด้วย) สำหรับเรื่องนี้ก็อย่างที่บอกครับว่าปมในเรื่องก็ถือว่าโอเค การเล่าเรื่องก็ถือว่าโอเค จัดว่าสนุกตามมาตรฐานหนังกังฟูของฮ่องกง แต่ก็ไม่ได้เข้มจัดสนุกจัดเท่า Ip Man ชุดของ Donnie Yen ซึ่งจะรวมถึงลีลากังฟูในเรื่องด้วยครับ ที่ของ Donnie Yen จะถึงใจกว่า แต่หากจะมองว่าภาคนี้เพิ่งบีกินนิ่ง ดังนั้นลีลายิปมันยังไม่มากเท่าตอนอายุเยอะ ก็ได้เหมือนกัน

ภาคนี้คนกำกับคิวบู๊คือ Siu-Hung Leung ครับ ในขณะที่ชุดต้นฉบับจะได้ หงจินเป่า (ภาค 1-2) กับหยวนหวู่ปิง (ภาค 3-4) มาทำ ซึ่ง 2 ท่านนั้นลีลาความพริ้วในการออกหมัดซัดเท้าจะคร่ำหวอดกว่าและมีลูกเล่นมากกว่าครับ

ดาราในเรื่องคนที่ผมยกนิ้วให้เลยคือ ฝานเส้าหวง ครับ พี่เขาคือของจริง ในแง่กังฟูนี่ถือว่าน่าปรบมือ เล่นเรื่องไหนลีลาได้ใจเรื่องนั้น (เพราะพี่เขาเป็นมวยจริงๆ) หรือจะในแง่การแสดงก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง จะบทคนดี คนร้าย คนซื่อ หรือคนกวนก็เป็นได้หมด ถือเป็นองค์ประกอบชั้นดีสำหรับหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ครับ และบทของเขาก็ดูมีมิติมากกว่าที่คาดด้วย

อีกคนคือ หยวนเปียว ครับ แม้จะโผล่ไม่มาก แต่ก็มีขโมยซีนอยู่เป็นพักๆ อย่างฉากที่เขาไปเสี่ยงทายหน้าหลุมศพของอาจารย์ว่าจะให้ยิปมันอยู่ในสำนักต่อหรือไม่ ท่าทางของเขาดูจริงใจและเป็นห่วงเป็นใยยิปมันจริงๆ ซึ่งบทแข็งๆ ผสมน่ารักๆ แบบนี้พี่เขาทำได้ดีเสมอครับ

ส่วน Yu-Hang To ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามที่บทจะเอื้ออำนวยครับ สีหน้าของเขาอาจจะดูโมโนโทนอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยลีลาหมัดมวยก็ทำได้ดี ซึ่งจริงๆ แล้วเขาคนนี้เคยได้เล่น Ip Man 2 ภาคแรกด้วยนะครับ ภาคแรกถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นลูกน้องของจินซานโถว (ซึ่งแสดงโดย ฝานเส้าหวง นั่นแหละ) ส่วนภาค 2 เล่นเป็นศิษย์เอกของอาจารย์หวง (หงจินเป่า) ครับ

ก็ถือว่าน่าพอใจครับ สำหรับภาคเดอะบีกินนิ่งนี้ ตอนต้นๆ อาจต้องทนสักหน่อย แต่พอตอนหลังเรื่องเริ่มขมวดปมและเพลงหมัดเริ่มสะบัดลาย เมื่อนั้นความสนุกก็จะมากขึ้น ผมว่าเอาภาคนี้มาดูเป็นภาคเปิด ก่อนจะเข้าสู่เส้นเรื่องฉบับของ Donnie Yen ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ (ผมเองเวลาจะเอาหนังชุดนี้มาดูก็เปิดดูแบบเรียงไทม์ไลน์แบบนี้เหมือนกัน เปิดด้วยภาคนี้ แล้วต่อด้วย 1 2 3 4)

สองดาวครึ่งได้อยู่ครับ

Star22

(7/10)