บทหนังเรื่องนี้ถือกำเนิดจากประสบการณ์ตรงของ Daniel Pyne ผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้ครับ เพราะเขาเคยเจอกับผู้เช่าที่แสนจะร้ายกาจจนเขาต้องพยายามขับไล่ให้ออกไป แต่ไม่ว่าจะยังไงผู้เช่าคนนี้ก็ไม่ยอมออกแต่โดยดี
เรียกว่าเขาเคยเจอฝันร้ายในฐานะของผู้ให้เช่าจนจำฝังใจ เลยเอามันมาเขียนบทเป็นหนังซะเลย
เรื่องของเดรก (Matthew Modine) และแพตตี้ (Melanie Griffith) คู่รักที่พยายามเก็บหอมรอมริบซื้อตึกมาเป็นของตนเอง โดยพวกเขาต้องการจะเปิดให้คนเช่าเพื่อจะได้เก็บเงินกินไประยะยาว ซึ่งผู้เช่าส่วนใหญ่ของเขาก็ดีครับ จนกระทั่งการมาของ คาร์เตอร์ เฮย์ (Michael Keaton) ที่ตอนแรกเขาก็ดูมาดดีและไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ที่ไหนได้เขาคือผู้เช่าสุดร้ายกาจที่ทำให้เดรกและแพตตี้ต้องจดจำไปจนวันตายทีเดียว
ผมว่าเหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้คือฝันร้ายที่เจ้าของตึก/เจ้าของบ้านทุกคนไม่อยากเจอ จริงๆ ผมว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามแต่ คุณก็คงไม่อยากเจอคนที่มาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตของคุณหรอกจริงไหมครับ ผู้เช่าก็อยากได้เจ้าของบ้านที่ดี, เจ้าของบ้านเช่าก็อยากได้ผู้เช่าที่ดี หรือผู้อยู่อาศัยทั่วไปล้วนแต่ต้องการเจอเพื่อนบ้านดีๆ ทั้งสิ้น มันคือความต้องการที่แสนธรรมดา
แต่ในชีวิตจริงมีคนมากมายที่ต้องเจอกับประสบการณ์เลวร้าย เจอผู้เช่าแย่ๆ เจอเพื่อนบ้านแย่ๆ และปัญหาแบบนี้มันก็มีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ หากต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมหันหน้าแก้ปัญหาต่อกันแบบดีๆ ล่ะก็ หรือจริงๆ แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมแก้ เรื่องมันก็แย่ได้แบบมากมายแล้ว – เพราะต่อให้อีกฝ่ายจะอยากแก้ปัญหาแค่ไหน แต่มันก็จะไม่เกิดการแก้ปัญหาอยู่ดี
ถือเป็นหนังระทึกขวัญที่ทำได้ไม่เลวเลยครับ จุดเด่นคือการแสดงของ Keaton ที่เป็นคนสุดน่ากลัวได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งตามปกติตัวละครแบบนี้มักจะเป็นคนโรคจิต ทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ หรือเป็นคนร้ายเพราะอาการทางจิต แต่กับตัวละครคาร์เตอร์คนนี้มาพร้อมความแตกต่างครับ เพราะคาร์เตอร์ไม่ใช่พวกโรคจิตที่ทำอะไรแบบขาดสติ ตรงข้ามเลยครับเขาเป็นคนฉลาดล้ำที่มีแผนอยู่ในใจ เรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นมันก็เพราะเขามีเจตนาบางอย่าง ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีอะไรมากขึ้นพอตัว
ในแง่ความระทึก หนังทำได้ดีครับ แต่ความน่าติดตามอาจมีพร่องๆ ไปบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะตัวละครฝ่ายดีนั้นบางทีก็ดูจะขาดสติไปบ้างจนทำให้ตกหลุมของคาร์เตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า มันบ่อยเกินไปจนความสนุกพร่องลงเพราะอะไรๆ เริ่มจะเดาได้ ต้องรอจนหนังเข้าสู่ช่วงท้ายๆ น่ะครับถึงจะเริ่มมีตัวละครที่ใช้สมองมาจัดการกับปัญหานี้อย่างมีแผนและสติ
แต่ในแง่หนึ่งก็เข้าใจน่ะครับ เพราะคนที่เป็นเจ้าของบ้านย่อมต้องหงุดหงิดหากเจอผู้เช่าแบบนี้ ไม่แน่ว่าถ้าเป็นเราแล้ว เราก็อาจน็อตหลุดอารมณ์เสียเหมือนกันตัวละครในเรื่องก็ได้
หนังก็เตือนสติคนดูได้ไม่เลวครับ ว่าหากเจอปัญหาเราต้องใจเย็น ต้องมองเกมให้ออก อย่าทำอะไรที่จะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย (เพราะในเรื่องนี้ คาร์เตอร์ฉลาดเรื่องกฎหมาย หัวหมอมากๆ ครับ เลยทำให้เดรกกับแพตตี้ต้องหัวปั่นและไม่สามารถเอาเรื่องคาร์เตอร์ได้ ทั้งที่จริงๆ คาร์เตอร์คือตัวก่อเรื่องทั้งหมด)
และอีกมุมหนึ่งหนังก็สะท้อนความจริงที่ว่าอำนาจแห่งกฎหมายนั้นจะส่งผลไปในทางใดย่อมขึ้นกับผู้ใช้มัน มันอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างความสงบให้สังคมก็ได้ แต่อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือสำหรับคนที่รู้เท่าทันกฎหมาย ใครฉลาดหัวหมอหน่อยก็สามารถเอากฎหมายมาเป็นพวกได้สบายๆ ซึ่งโลกทุกวันนี้ก็เหมือนจะมีคนแบบหลังมากขึ้นเรื่อยๆ จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะครับ
หนังกำกับโดย John Schlesinger ที่ถนัดอยู่แล้วครับกับหนังแนวระทึกขวัญกดดันแบบนี้ ตัวหนังจัดว่าทำได้โอเคในระดับหนึ่ง อย่างที่บอกครับว่าส่วนของความระทึกหนังทำได้ดี แต่จังหวะบางช่วงก็อาจจะเนิ่บไปบ้าง หรือสมดุลตัวละครก็อาจจะยังไม่พอเหมาะ (บางคนฉลาดเกิน แต่บางคนก็ใช้อารมณ์เกิน)
แต่หากไม่คิดมาก หนังก็ดูเอาความระทึกได้ไม่เลวครับ และนี่ก็เป็นหนังที่เติือนสติเราได้ในแง่ของการ “คิดก่อนทำ” และ “การมองให้ทะลุถึงปัญหาที่แท้จริง” เพราะบางปัญหาที่เกิดขึ้น มันเกิดเพราะมีสาเหตุอื่นๆ อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากคนนี่แหละครับ อันว่าคนนี่มีความซับซ้อนมากมาย บางครั้งคนอาจทำด้วยอารมณ์ แต่บางคนทำเพราะมีแผนร้ายอยู่ในใจ ซึ่งหากเราตามไม่ทันเราก็จะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
โลกนี้อยู่ยากเป็นบางเวลาและบางโอกาสครับ เราก็ต้องตั้งท่ารับมันให้ดีและผ่านมันไปให้ได้
เพราะในบางวาระนั้น คนที่จะช่วยเหลือเราได้ ก็มีเพียงแค่ตัวเราเอง
สองดาวกว่าๆ ค่าความระทึกครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Thrillers