Action

Gator (1976) ไอ้ตะเข้

Untitled04475

บ๊อบบี้ “เกเตอร์” แมคคลัสกี้ (Burt Reynolds) กลับมาอีกครั้งครับ เมื่อเจ้าหน้าที่ทางการเออร์วิน กรีนฟิลด์ (Jack Weston) ต้องการตัวเขาไปช่วยในปฏิบัติการจับเจ้าพ่อจอมอิทธิพลนามว่า บาม่า แมคคอลล์ (Jerry Reed) ที่อยู่เบื้องหลังคดีโหดๆ และคดีโกงๆ มากมาย

งานนี้ก็เหมือนเดิมครับ เกเตอร์ต้องเข้าไปตีสนิท แทรกซึมไปในแก๊งค์คนร้ายก่อนจะรวบรวมหลักฐานเพื่อเล่นงานมัน แต่บาม่าคนนี้ก็โหดเหี้ยมและร้ายกาจใช่เล่น ทำให้เกเตอร์ต้องฮึดแรงระห่ำออกมาสู้กับมัน

ก็เป็นภาคต่อจาก White Lightning ที่คราวนี้ Reynolds นั่งเก้าอี้กำกับด้วยตนเอง (นี่ถือเป็นการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาด้วยครับ) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าพอๆ กับภาคแรกครับ ตัวหนังยังดูได้เพลินๆ แต่ที่รู้สึกเลยคือภาคนี้ตัวเกเตอร์ดูจะเด่นขึ้น มีความเป็นพระเอกมาดเท่ห์มากขึ้น และที่ชอบอีกอย่างคือทิศทางของหนังมันมีพล็อตหลักให้โฟกัส มีตัวละครให้โฟกัส ในขณะที่ภาคก่อนบางช่วงบางจังหวะอาจดูนอกเรื่องไปบ้าง

แต่กระนั้นตัวบทก็อาจจะยังไม่แน่นเหมือนเดิมครับ การตามสืบตามแทรกซึมของเกเตอร์ก็ไม่ถึงกับยากอะไร แต่จุดสนุกอีกอย่างที่หนังใส่ลงมาคือบทเออร์วินที่ Weston แสดงได้น่าจดจำและยังเป็นสีสันที่น่าพอใจให้กับหนัง เช่นเดียวกับ Lauren Hutton ในบทนักข่าวสาวเอ็กกี้ เมย์แบงค์ที่เป็นนางเอกของเรื่อง เธอคนนี้ก็เสริมเรื่องราวให้กับเกเตอร์ภาคนี้ได้โอเคในระดับหนึ่งครับ

แต่สิ่งที่จัดว่าดร็อปไปบ้างก็คือซีนแอ็กชันที่ภาคนี้ไม่ค่อยมีซีนเด่นๆ แบบการขับรถไล่ล่าในภาคแรก จุดนี้ก็ถือว่ามีผลต่อความสนุกเหมือนกันครับ อย่างไคลแม็กซ์ตอนท้ายก็ถือว่ายังระห่ำไม่เท่าคราวก่อนที่ค่อนข้างน่าจดจำมากกว่า

โดยรวมแล้วหนังก็มีบางอย่างที่โอเคกว่าภาคแรก และบางอย่างที่ดร็อปลง พอเอามาคำนวณคะแนนแล้วก็ทำให้ภาคนี้กับภาคแรกถือว่าพอๆ กันครับ ดังนั้นใครชอบภาคแรกก็น่าจะสนุกกับภาคนี้ได้อยู่

Untitled04476

แต่รู้ไหมครับ มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมว่าหนังทำออกมาได้โดนใจผมมากกว่าภาคแรก นั่นคือฉากจบครับ (ผมกำลังจะสปอยล์ล่ะนะครับ ใครไม่อยากทราบอย่าอ่านเลย)

ภาคนี้หนังจบลงตรงที่ พอเกเตอร์สามารถปราบบาม่าลงได้แล้ว เขาก็แวะไปหาเอ็กกี้ ก่อนจะสวมกอดเธอ และพวกเขาก็คุยกัน ปรากฏว่าเอ็กกี้กำลังจะได้งานที่เธอฝันมานานที่นิวยอร์ก และเธอก็ตั้งใจที่จะเดินทางที่นั่น ในขณะที่เกเตอร์เองก็ต้องกลับไปที่บ้าน ไปหาลูกสาวของเขา…

ใช่ครับ ชีวิตเขาและเธอหลังจากผจญภัยกันมาพักหนึ่ง ในที่สุดก็ถึงทางแยก เขาก็มีวิถีชีวิตแบบหนึ่ง ส่วนเธอก็มีความฝันที่อยากจะไปให้ถึงอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นแม้พวกเขาจะรู้สึกดีต่อกันแค่ไหน แต่ในที่สุดแล้วทั้งเขาและเธอก็ต้องปล่อยมือจากกัน

ผมว่าซีนจบนี้น่ารักมากนะครับ ยิ่งมาคิดว่า Reynolds กำกับเองด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเลยว่าเขาดูใส่ใจกับฉากนี้มาก ฉากนี้จบลงที่เกเตอร์บอกว่าเขารักเธอ และเอ็กกี้ก็ตอบว่า “ฉันรู้ค่ะ” จากนั้นไม่นานเกเตอร์ก็หันหลังเดินจากเธอ เขาเดินไปขึ้นรถ และหันมาทำท่าตลกๆ ให้เธอยิ้มอีกครั้งก่อนจะจากกัน แล้วเขาก็ขับรถจากไปอย่างเดียวดาย

ระหว่างที่เขาขับเขาก็หันกลับไปมองด้านหลัง เหมือนกำลังมองสิ่งดีๆ ที่กำลังจะกลายเป็นความทรงจำ ก่อนจะหันหน้ามาขับรถต่อ… ขับต่อไปบนเส้นทางที่ช่างดูโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน

ฉากจบที่ว่านี้มีเพลงประกอบคือ For a Little While ของ Bobby Goldsboro ครับ ซึ่งเนื้อหาตรงกับอารมณ์ของฉากนั้นอย่างมหาศาล จนผมบอกได้เลยว่าหากใครที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ (เจอคนที่ชอบ ได้อยู่ด้วยกันพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ จำต้องหันหลังจากมา) แล้วมาเจอเพลงนี้เข้าไปนี่มีถึงตายน่ะครับ เพราะเนื้อหามันซึ้งมาก “เวลาของเราหมดแล้ว วาระนั้นมาถึงแล้ว วาระแห่งการลาจาก แต่ฉันจะไม่ร้องไห้ เพราะเธอเป็นของฉัน แม้จะชั่วขณะเดียวก็ตาม…”

ฉากจบนี้เป็นอะไรที่ได้ใจมากครับ มันซึ้งในฐานะฉากจบของหนังเรื่องนี้ และด้วยความที่ไม่มีการทำ Gator ภาคใหม่ออกมาอีก มันก็ยิ่งทำให้ฉากจบนี้ดูเป็นฉากจบที่สื่อให้เห็นว่าชีวิตของเกเตอร์ แมคคลัสกี้นั้นมักจะลงเอยด้วยความโดดเดี่ยวและการลาจาก เพราะจริงๆ ตอนเปิดเรื่องนี่เขามีตัวละครมาเกี่ยวข้องเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเออร์วินที่พยายามไปตามเขาถึงบ้าน หรือเอ็กกี้ แต่สุดท้ายพอเรื่องจบเขาก็ต้องกลับไปเพียงคนเดียว ไม่เหลือใครเคียงข้างเลย… นึกแล้วมันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน

สรุปนะครับ ตัวหนังอาจไม่ได้สุดยอดอะไรมากมาย ไม่ว่าจะภาคแรกหรือภาคนี้หนังถือว่าอยู่ในระดับเรื่อยๆ ดูได้เพลินๆ สำหรับคอหนังแอ็กชันยุค 70 แต่หากใครไม่ถูกจริตกับหนังแอ็กชันสมัยเก่าก็อาจไม่โอเคกับหนังชุดนี้ก็เป็นได้

ส่วนผมนั้น ว่าตามจริงก็ไม่ถึงกับชอบอะไรมากครับ แต่พอมาเจอฉากจบของ Gator นี้แล้วก็ทำให้รู้สึกชอบในตัวละคร “เกเตอร์ แมคคลัสกี้” ที่พี่แกมีความแมนและความโรแมนติกผสมอยู่ และมีความเท่ห์แบบพระเอกผู้เดียวดายเจือผสมอยู่ ทำให้ตัวละครนี้ดูมีมิติน่ะครับ ไม่ใช่เป็นแค่ตัวละครสายบู๊ที่บู๊ไปเรื่อยเพียงอย่างเดียว

ดังนั้นแม้ผมจะไม่ถึงกับชอบหนังชุดนี้มากมาย แต่ผมก็พูดได้เต็มปากว่าผมประทับใจในตัวเกเตอร์พอสมควร ยิ่งฉากจบแบบนี้ถือว่าเป็นฉากจบที่มีความหมาย เพราะหนังแอ็กชันส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้หรอกครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)