หยิบ โหดตัดโหด มาดูเมื่อไร ต้องหยิบ โหด เลว ดี มาดูต่อ ไม่งั้นลมปราณความมันส์จะขาดช่วง!
โหด เลว ดี หรือ A Better Tomorrow ถือเป็นหนังแจ้งเกิดสำคัญของ John Woo (ในฐานะผู้กำกับ) และฉีเคอะ (ในฐานะอำนวยการสร้าง) หนังครบเครื่องเรื่องความมันส์ เต็มไปด้วยการสาดกระสุนที่เปี่ยมลีลาประหนึ่งเต้นรำบนฟลอร์ ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าหนังมีความรุนแรงเยอะ แต่ Woo นำเสนอได้ละเมียดและแปลกตาอย่างยิ่ง
เรื่องอื่นๆ ฉากยิงกันก็แค่ฉากยิงกัน แต่กับหนังของ Woo แล้ว มันมีรายละเอียด มันมีการสโลว์ มันมีมุมกล้อง มันมีกิมมิค อย่างตอนที่เสี่ยวหม่า (เฮียโจวเหวินฟะ) หยอดปืนลงกระถางต้นไม้ตามทางเดิน ตอนดูนี่นึกในใจเลยว่าคิดได้ไง?
ด้านเนื้อหาก็เข้มข้นครับ ตัวเอกหลักมี 2 คน คนแรกคือเสี่ยวหม่านักเลงที่เดินสู่ทางสายนี้เพราะไม่ต้องการให้ใครมาดูถูก คนที่ 2 คืออาห่าว (ตี้หลุง) รายนี้เดินบนถนนนักเลงเพื่อเอาเงินมาส่งน้องชายที่ชื่ออาเฉีย (เลสลี่ จาง) ให้เรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องลำบากอย่างเขา
แต่แล้วเมื่อมีการหักหลังกันในแก๊ง ส่งผลให้อาห่าวติดคุก เสี่ยวหม่าก็ขาเป๋ ส่วนอาชาง (หลี่จื้อสง) อดีตลูกน้องของพวกเขาผันตัวมาเป็นนายแทน และเมื่อถึงจุดที่อาชางทำเรื่องเลวร้ายจนล้ำเส้น เสี่ยวหม่ากับอาห่าวเลยต้องกลับมาเดินบนเส้นทางสายโหดอีกครั้ง
เรื่องราวเข้มข้นมากๆ ครับ ปมดราม่ามันซ้อนกันกับแอ็กชันได้อย่างพอดี ในแง่แอ็กชันก็มันส์ละเมียดอุดมลีลาอย่างที่บอกไป (แน่นอนว่าดีกรีความเด็ดเกิดเพราะเฮียโจวแกยิงปืนได้เท่ห์โคตร ถือปืนสองมือได้องอาจไม่มีใครเทียม) ในแง่ดราม่าก็ข้นครับ มีเรื่องมิตรภาพ เรื่องพี่น้อง (ที่คนพี่เป็นโจร แต่คนน้องเป็นตำรวจ) เรื่องการกลับตัวพยายามเดินบนทางที่ถูก การหักหลัง การล้างแค้น ทุกปมขมวดเข้ากันได้อย่างน่าติดตาม
เฮียโจวแกสุดยอดครับ บทแกเด่นมากๆ นอกจากยิงกระสุนแอ็กชันได้เข้าเป้าแล้ว กระสุนคำพูดแต่ละคำก็กระแทกใจ กวนโอ๊ยได้โล่ห์, ตี้หลุงก็ดูเจียมตัวสุดๆ เล่นสมจริงจนเห็นใจเลยครับ ส่วนเลสลี่ จางก็ดูเลือดร้อนสมบทมากๆ เหมือนกัน ในขณะที่หลี่จื้อสงนี่ก็ร้ายได้ใจ จนทุกวันนี้พี่ท่านยังผูกขาดบททำนองนี้ได้กินขาดเหนือใคร
ผมรู้สึกกระแทกใจตอนเสี่ยวหม่าพูดกับอาห่าวว่า “พี่พยายามเป็นคนดี แล้วโลกมันมีที่ให้พี่เป็นได้ไหม!”
โลกของเสี่ยวหม่าและอาห่าวคือโลกแห่งอาชญากรรมครับ การจะเป็นคนดีบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยคนร้าย มันยากยิ่ง หรืออาจถึงขั้นเป็นไปไม่ได้
ในมุมหนึ่งก็คิดว่าทั้งสองเลือกทางเดินนั้นแล้ว จึงยากจะกลับออกมา ทางที่ดีก็คงเป็น อย่าเลือกทางนั้นแต่แรก ควรเลือกโลกที่ดีกว่า
แต่สักพักก็คิดขึ้นมา ว่าแล้วในโลกจริงๆ ที่เราอยู่ทุกวันนี้ มันก็เทาเอาเรื่อง… เป็นเทาที่เข้มขึ้น จนหลายคนบ่นว่าโลกอยู่ยากขึ้น
หรือจริงๆ มันอาจไม่ได้เทาเข้มขี้น เพียงแต่เราอาจเห็นสีเทาปกติของโลกแบบที่มันเป็นอยู่แล้ว ชัดเจนขึ้น
โลกอาจไม่ได้อยู่ยากขึ้น เพียงแต่ที่ผ่านมา เราอาจถูกป้อน “โลกในมุมที่ง่ายหรือสวย” เข้าปากมากเกินไป จนภูมิสำหรับสู้กับ “ความยาก” ลดลง
รู้แบบนี้ก็ต้องเพิ่มภูมิสู้โรค (โลก) เข้าไป มองโลกอย่างที่มันเป็น โต้คลื่นชีวิตอย่างที่มันเป็น
การอยู่บนโลกอาจไม่มีทางที่ง่ายหรือยาก มันมีแต่ทางที่มันเป็น
+++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นหนังแอ็กชันดราม่าที่คุ้มค่าแก่การดูซ้ำแล้วซ้ำอีกครับ
สามดาวครับ
(8/10)